สารพันปัญหากับ ถุงยางอนามัย
เรื่อง : |
alexlivfc@hotmail.com |
อ้างอิง และขอบคุณข้อมูลจาก: |
http://www.metro-society.com , http://health.kapook.com |
|
http://talkaboutsex.thaihealth.or.th ,http://www.เสื่อมสมรรถภาพ.com |
Q: ถุงยางอนามัยป้องกันการตั้งครรภ์และเชื้อ เอช ไอ วีได้อย่างไร?
A:ถุงยางอนามัยใช้สวมใส่อวัยวะเพศชายเมื่อแข็งตัวเต็มที่ ทำหน้าที่เป็นเครื่องกีดขวางไม่ให้ตัวเชื้ออสุจิ เข้าสู่ช่องคลอด ที่ปลายถุงยางอนามัยจะมีกระเปาะเล็กๆ สำหรับรองรับน้ำอสุจิ ส่วนเชื้อเอชไอวีนั้นมีขนาดเล็กกว่าตัวอสุจิถึง 30 เท่า ซึ่งได้มีการค้นคว้าและทดลองพบว่า แม้ผนังถุงยางอนามัยจะถูกขยายถึง 2,000 เท่าก็ยังไม่เห็นการรั่วซึม เมื่อขยายผนังถุงยางอนามัยเป็น 30,000 เท่า ซึ่งเป็นกำลังขยายที่สามารถมองเห็นตัวเชื้อเอชไอวีได้นั้นพบว่า ผนังถุงยางอนามัยมีลักษณะเป็นหลุมเล็กๆ แต่ก็ไม่เห็นรอยรั่วซึม และที่สำคัญเชื้อเอชไอวีนั้นต้องอาศัยเซลล์เม็ดเลือดขาว น้ำในช่องคลอด เป็นที่อยู่อาศัยซึ่งเซลล์เม็ดเลือดขาวมีขนาดใหญ่กว่าผนังถุงยาง ถุงยางอนามัยก็จะช่วยกักเก็บน้ำอสุจิและน้ำในช่องคลอด ป้องกันไม่ให้ผ่านเข้าไปในอวัยวะเพศแต่ละฝ่ายได้ ดังนั้นถุงยางอนามัยจึงเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการคุมกำเนิดและป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะ เอช ไอ วี/เอดส์ได้ดีที่สุด
Q: ผมใช้ถุงยางซ้อนกันสองชั้นจะยิ่งปลอดภัยกว่าไหมครับ?
A: การสวมถุงยางอนามัยนั้นควรสวมเพียงชั้นเดียวก็เพียงพอแล้วนะคะ เพราะอะไรที่มากเกินไปมักให้โทษ เนื่องจากเมื่อสวมถุงยางสองชั้นจะทำให้ถุงยางอนามัยมันเสียดสีกันเอง และเกิดภาวะ ถุงยางแตกได้นะคะ
Q: ที่บอกว่าให้ใส่ถุงยางอนามัยตอนที่อวัยวะเพศแข็งตัวนี่ หมายถึงว่า ให้ใส่เมื่อตอนที่กำลังจะถึงจุดสุดยอดหรือเปล่าครับ?
A: เป็นความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวงเชียวค่ะ เพราะ การแข็งตัวของอวัยวะเพศชายกับการที่จะถึงจุดสุดยอดนั้น เป็นคนละเรื่องเดียวกัน เนื่องจากการเข็งตัวของอวัยวะเพศชายเกิดได้บ่อยเมื่อมีสิ่งเร้า และเมื่อมีกิจกรรมทางเพศก่อนที่จะสอดใส่อวัยวะเพศชายก็จะแข็งตัวแล้ว (ถ้ามันไม่ยอมแข็งตัวก็คง xxx ไม่ได้...อันนี้ต้องไปพบแพทย์) ส่วนการถึงจุดสุดยอดหรือที่เรียกว่าออกัสซั่ม นั้นเป็นภาวะสำเร็จเสร็จกิจกรรม และผู้ชายกำลังจะหลั่งน้ำอสุจิแล้วนะคะ (ถ้าใส่ถุงตอนนี้ไม่ทันแล้วจ้า) ดังนั้นคุณผู้ชายควรสวมถุงยางอนามัยในตอนที่อวัยวะเพศแข็งตัว และก่อนมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ หากคุณผู้ชายเพิ่งจะมาใส่ถุงยางเอาเมื่อตอนใกล้จะถึงจุดสุดยอดก็คงไม่ต่างอะไรจากการใช้วิธี หลั่งข้างนอกหรอกค่ะ... ถ้าอย่างนั้นเอาถุงยางวางไว้ข้างๆขณะมีเพศสัมพันธ์ก็มีค่าใกล้เคียงกัน... คือไม่ได้ช่วยอะไรเลย
Q: ผมจะเลือกซื้อถุงยางอย่างไรดีครับ แบบไหนถึงจะเหมาะกับขนาดน้องชายของผม ถ้าเล็กไปก็เสี่ยงต่อถุงยางแตก ถ้างั้นเลือกไซด์ใหญ่ๆไว้ก่อนดีกว่าไหมครับ?
A:คงไม่ดีแน่นอนค่ะ อย่างที่บอกว่า น้อยหรือมากเกินไปมักเกิดปัญหา เพราะถ้าเราเลือกขนาดที่เล็กเกินไปถุงยางก็อาจจะแตกหรือฉีกขาดได้ ส่วนในกรณีที่เลือกแบบใหญ่เกินไปก็ทำให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ และติดโรคสูงเนื่องจากการที่ใส่ถุงยางอนามัยที่มีขนาดหลวมเกินไป จะทำให้เกิดช่องว่างน้ำหล่อลื่น และน้ำกำหนัดสามารถลอดผ่านพื้นที่ว่างของอวัยวะเพศชาย และเปลือกของถุงยางจนปล่อยเชื้ออสุจิ หรือเชื้อโรคเข้าสู่อีกฝ่ายได้ในทั้งขาเข้าและขาออก นอกจากนั้นยังเสี่ยงต่อการที่ถุงยางอนามัยจะหลุดโดยที่เราไม่รู้เนื้อรู้ตัวอีกด้วยอันนี้ยิ่งเสี่ยงเข้าไปใหญ่เลยนะคะ
การวัดขนาดน้องชาย - หากสังเกตที่กล่องของถุงยางจะมีตัวเขียนไว้ว่า 44 มม. 46 มม. 50 มม. 52 มม. ซึ่งหมายถึง เส้นรอบวงของตัวถุงยาง โดยเฉลี่ยเพศชายมีอวัยวะเพศยาวที่ 4.4 ถึง 6.5 นิ้ว ในขนาดที่การแข็งตัวเต็มที่ การวัดขนาดที่ควรทำในขนาดที่น้องชายของคุณผู้ชายแข็งตัวเต็มที่ อาจจะใช้เชือกขนาดเล็ก หรือสายวัดพันรอบเหมือนกับวัดเอวตอนไปซื้อกางเกงก็ได้โดยวัดจากเส้นรอบวง (ไม่เน้นเรื่องความยาว เพราะถุงยางอนามัยมักจะมีขนาดยาวกว่าอวัยวะเพศอยู่แล้ว) ซึ่งในการศึกษาเรื่องขนาดของน้องชายเพื่อที่จะได้ผลิตถุงยางอนามัยให้เหมาะกับผู้ชายแต่ละเชื้อชาตินั้นได้มีการศึกษากันมาแล้วว่า
- ชายฝรั่งเศส เฉลี่ยขนาดอยู่ที่ 6.2 นิ้ว
- ชายอิตาลี เฉลี่ยขนาดอยู่ที่ 5.9 นิ้ว
- ชายชาวเม็กซิโก 5.8 นิ้ว
- ส่วนประเทศไทย ใหญ่กว่าคนจีนนิดหนึ่ง อยู่ที่ 4.1 นิ้ว ดังนั้น ว่ากันว่า ขนาดถุงยางอนามัยที่เหมาะสมที่สุดกับคนไทยคือ ขนาด 49 นั่นเอง
- จีน 3.8 นิ้ว
- เกาหลีใต้ 3.7 นิ้ว
Q: แฟนบอกว่า ไม่ชอบใช้ถุงยางค่ะเพราะมันไม่ธรรมชาติและเขายังถามอีกว่าไม่ไว้ใจเขาเหรอ... ทำไงดี?
A: คงไม่มีใครไว้ใจใครได้เพราะคงไม่มีแฟนคนไหนที่เล่าให้คู่ตนเองฟังหมดทุกอย่างว่าผ่านอะไรมาบ้าง แม้กระทั่งบางคนติดเชื้อ เอช ไอ วี ยังไม่บอกกันเลย... และคงไม่มีสามีคนไหนที่ยอมรับกับภรรยาอย่างหน้าชื่นตาบานว่าผมเพิ่งไปลงอ่างหรือเที่ยวหญิงขายบริการมา... ดังนั้นถ้าแฟนของน้องไม่ยอมใช้ถุงยางอนามัยโดยอ้างเหตุผลข้างต้น แม้ว่าเราจะพยายามอธิบายข้อดีของถุงยางอนามัยแล้วก็ตาม ก็ยิ่งเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนเห็นแก่ความสุขส่วนตัวและไม่ได้รักเราจริง... ผู้หญิงควรมีสิทธิ์ มีอำนาจในการต่อรอง ตัดสินใจคุมกำเนิดและป้องกันโรคทางเพศสัมพันธ์ให้กับตัวเองไม่ใช่ฝากชีวิตไว้กับเพศชาย เพราะเมื่อเกิดท้องไม่พร้อม หรือเป็นโรคร้ายขึ้นมาคุณคิดว่าผู้ชายจะรับผิดชอบได้มากแค่ไหน... คุณผู้หญิงลองคิดดูแค่เริ่มต้นก็ปฏิเสธความรับผิดชอบแล้วถ้าคุณยินยอมจนเกิดผลขึ้นคือฝ่ายหญิงท้อง หรือเป็นเอดส์เขาจะรับผิดชอบหรือ?... ดังนั้นท่องไว้ให้ขึ้นใจค่ะว่า "ไม่ใช้ถุงยางอนามัยก็อย่าหวังจะได้แอ้มจ้า = No Condom No sex"
Q: ผมมักซื้อถุงยางมาเก็บไว้เยอะๆครับ ไม่กล้าไปซื้อหลายครั้ง อายคนขาย ผมอยากรู้วิธีการเก็บรักษาถุงยางอนามัยให้อยู่กับผมนานๆ ต้องทำอย่างไรครับ?
A: ถุงยางอนามัยที่มีจำหน่ายในตลาดเมืองไทยผลิตดี ได้มาตรฐาน ISO มีอายุเก็บไว้ได้นานถึง 5 ปี นับแต่วันที่ผลิตถ้าเก็บไว้อย่างถูกต้องและเหมาะสม แต่ที่คุณภาพมันแย่ ก็มักเกิดขึ้นหลังจากผลิตออกมาแล้วทั้งสิ้น ถุงยางอนามัยควรเก็บรักษาไว้ในที่ไม่ถูกแสงแดดหรือที่มีอุณหภูมิสูง ไม่ให้โดนแสงอัลตราไวโอเลต (ตั้งโชว์ไว้หน้าร้าน) หรือโดนแสงนีออนนานๆ ความร้อน ความชื้น โอโซน ความเค็มของอากาศชายทะเล ล้วนเป็นเหตุให้ถุงยางอนามัยเสื่อมคุณภาพก่อนหมดอายุได้ทั้งสิ้น และที่สำคัญการพกถุงยางไว้ในกระเป๋าสตางค์ก็ทำให้ถุงยางเสื่อมสภาพเร็วมากประมาณหนึ่งเดือนก็เสื่อมประสิทธิภาพแล้วค่ะ
Q: ถ้าใช้สารหล่อลื่นที่ไม่เหมาะสมก็จะทำให้ถุงยางแตกได้ แล้วผมจะรู้ได้ยังไง ว่าควรใช้อะไรดี?
A: ในการผลิตถุงยางอนามัยในขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะบรรจุลงซองจะมีการเติมสารหล่อลื่นที่นิยมใช้ คือ ซิลิโคนออยล์ (silicone oil) ซึ่งสาร หล่อลื่นที่ใช้กับถุงยางอนามัยที่ทำจากยางธรรมชาติ จะต้องมีส่วนประกอบที่เป็นน้ำหรือซิลิโคนเท่านั้น ห้ามใช้สารหล่อลื่นที่ทำจากน้ำมันหรือ ผลิตภัณฑ์ที่มาจากน้ำมันโดยเด็ดขาด รวมทั้งน้ำมันพืชด้วยเพราะ ยางกับน้ำมันไม่ถูกกัน จาการทดลองในห้องปฏิบัติการ พบว่า ความแข็งแรงของถุงยางอนามัยลดลงถึงร้อยละ 90 เมื่อถุงยางอนามัยสัมผัสกับสารหล่อลื่นที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน (เพียงแค่ 15 นาที) ทั้งนี้ที่กล่องบรรจุถุงยางอนามัย ฉลากกำกับสินค้าจะมีคำเตือนเกี่ยวกับการใช้ ข้อบ่งชี้เพื่อให้ทราบถึง สารหล่อลื่นเพิ่มเติมที่ควรใช้และไม่ควรใช้อยู่ด้วย
สารหล่อลื่นที่ละลายในน้ำที่สามารถใช้ได้มีดังนี้
- K-Y jelly
- Q-C jelly
- Dura gel
- Dura cream
- Generic contraceptive gel
- Senselle gel
- polyethylene glycol
ส่วนสารหล่อลื่นที่ละลายในน้ำมัน ห้ามใช้กับถุงยางอนามัย โดยเด็ดขาด มีดังนี้
- วาสลีนครีม (vaseline Cream)
- ขี้ผึ้งทาปาก (Wax)
- น้ำมันทาผิว (Baby oil)
- วาสลีน ปิโตรเลียมเจลลี่ (Vaseline petroleum jelly)
- โลชั่นทาผิว (Skin lotion)
- วาสลีน อินเทนซีพแคร์โลชั่น (Vaseline intensive care lotion)
- ครีมทามือ (Hand cream)
- เนย (Butter/margarine)
- น้ำมันพืช (Palm oil/vegetable oil)
- น้ำมันข้าวโพด (Corn oil)
Q: หนูกับแฟนก็ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเลยนะคะ แล้วทำไมหนูถึงท้อง?
A: ข้อผิดพลาดที่เกิดจากตัวถุงยางอนามัยนั้นเป็นไปได้น้อยมาก เพราะโดยส่วนใหญ่ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจะมาจากตัวผู้ใช้เสียมากกว่า เนื่องจากผู้ชายเวลาสวมถุงยางอนามัยมักไม่ใช้สมองจะใช้แต่สัญชาตญาณ ที่พบข้อผิดพลาดบ่อยมีสาเหตุดังนี้
- การสวมถุงยางอนามัยก่อนถึงจุดสุดยอด คือ เป็นการสอดใส่โดยปราศจากถุงยางก่อนแล้วพอใกล้ถึงจุดสุดยอดหรือใกล้หลั่งค่อยถอดออกมาใส่ถุงยาง
- การสวมถุงยางก่อนสอดใส่ (ถูกต้อง) แต่เมื่อถึงจุดสุดยอดแล้วยังไม่ถอนอวัยวะเพศออกมาจากช่องคลอด อวัยวะเพศชายก็เริ่มอ่อนตัวลงจนมีช่องว่างให้สารคัดหลั่งออกมานอกถุงยาง หรือถุงยางอนามัยลื่นหลุดไปโดยไม่รู้ตัวเลยก็มี
- การฉีกซองถุงยางแล้วซองไปเฉือนกับถุงยางจนเกิดรู หรือ รอยขาด
- การดื่มเหล้า หรือการใช้สารเสพติด ทำให้เสื่อมสมรรถภาพในการใช้ถุงยางอนามัย นั่นก็คือใช้ถุงยางอนามัยผิดวิธี หรือบกพร่อง
- ใช้สารหล่อลื่นไม่ถูกต้อง ทำให้ถุงยางแตกหรือลื่นหลุด
- ไม่ใช้ถุงยางอนามัยใหม่แกะกล่อง หรือใช้ถุงยางอนามัยที่หมดอายุ
- แกะถุงยางอนามัยออกมาเล่นก่อนมีเพศสัมพันธ์
- ใส่ถุงยางผิดด้านแล้วนำกลับมาใช้ใหม่
- สำหรับผู้ที่ไม่ได้ขลิบปลายอวัยวะเพศ ต้องดึงหนังหุ้มรูดให้สุดเสียก่อน
- ใช้ถุงยางอนามัยผิดขนาด ใหญ่หรือเล็กเกินไป
- ใช้ถุงยางอนามัยซ้อนหลายชั้น
เรื่องจริงของถุงยางอนามัย(Condom's fact)
ถุงยางอนามัย คือเครื่องมือแพทย์ชนิดหนึ่ง ที่ต้องผ่านการตรวจสอบจาก อย. ดังนั้นเรื่องคุณภาพของตัวถุงยางมีความปลอดภัย 100 % แต่ต้องใช้ให้ถูกต้องคือ
- ใช้ก่อนมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่
- ใช้ถุงยางที่ยังไม่หมดอายุ
- ใช้ให้เหมาะสมกับขนาดอวัยวะเพศของตัวเอง
- ใช้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
- ใช้เพียงชั้นเดียวเท่านั้น
- มีใจรักและเชื่อมั่นว่าถุงยางช่วยให้มีความสุขและปลอดภัย
ความสามารถในการป้องกันการตั้งครรภ์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ถุงยางอนามัยสามารถกีดขวางไม่ให้ตัวเชื้ออสุจิและเชื้อโรคชนิดต่าง ๆ เข้าสู่ช่องคลอดได้ดังต่อไปนี้
- 1. ตัวเชื้ออสุจิ (spermatozoa) มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.003 มิลลิเมตร หรือ 3000 นาโนเมตร
- 2. เชื้อก่อโรคซิฟิลิส (Treponema pallidum) มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 600 นาโนเมตร
- 3. เชื้อก่อโรคหนองใน (Neisseria gonorrhoeae) มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 800 นาโนเมตร
- 4. เชื้อก่อโรคหนองในเทียม (C. trachomatis) มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 200 นาโนเมตร
- 5. เชื้อไวรัสเอดส์ (HIV) มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 125 นาโนเมตร
- 6. เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิด บี (hepatitis B virus) มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 40 นาโนเมตร
เรื่องไม่จริงของถุงยางอนามัย(Condom's not fact)
- "ไม่ชอบ... เหมือนมีอะไรมาขวางทำให้ไม่มีความรู้สึก" ถุงยางอนามัยหนาอย่างมากไม่เกิน 0.06 มิลลิเมตร คุณผู้ชายแทบจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่เนื้อไม่ได้แนบเนื้อเท่านั้นที่ทำให้รู้สึกไปเองว่ามีอะไรมาขวาง ซึ่งความจริงแล้วอาจจะดีกับหนุ่มที่ชอบไปถึงสวรรค์ก่อนเพื่อน ถุงยางอนามัยจะช่วยยืดเวลาความสุขให้คุณได้นานขึ้นอีกก็ได้
- "ใช้ถุงยางแล้วมันขาดตอน ไม่ต่อเนื่อง" ถ้าคุณผู้ชายเป็นคนที่มีชั้นเชิงโลมเล้าจริงๆจะไม่มีคำว่า ขาดตอนเกิดขึ้น ถ้าไม่อยากทิ้งช่วงติดพันให้นานนัก ก็ให้เตรียมถุงยางอนามัยไว้ใกล้มือที่สุด จะใต้หมอน หรือโต๊ะหัวเตียงให้หยิบง่ายที่สุด และถ้าจะให้ฝ่ายหญิงช่วยใส่ให้ก็เป็นการเติมรักระหว่างกันให้มากขึ้นไปอีก
- ถุงยางอนามัยเป็นสัญลักษณ์ของความไม่ไว้วางใจ "ไม่ไว้ใจเหรอ?" คำถามที่ทำให้อีกฝ่ายทำใจลำบากทุกครั้ง เวลาที่ยืนยันให้ใช้ถุงยาง การใช้ถุงยางอนามัยไม่ใช่เครื่องหมายของความไม่ไว้ใจ แต่นั่นคือความเอาใจใส่ซึ่งกันและกันต่างหาก
- "ไม่กล้าไปซื้อ อายคนขายเดี๋ยวเขามองว่าเราหื่น" คุณอาจไม่เคยรู้ว่า เวลาที่คนขายมองหน้าคุณตอนซื้อ เขากำลังชื่นชมคุณอยู่ในใจต่างหากว่าคุณเป็นคนรอบคอบและมีความรับผิดชอบ.. วิธีลดอายคือซื้อไปด้วยความไม่อาย ตีหน้าเฉยๆคิดว่าเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ชิ้นหนึ่ง แค่นั้น
ความเชื่อผิดๆ ที่ทำให้ต้องมานั่งเสียใจในภายหลังเมื่อคุณเมินถุงยางอนามัยก่อนการมีเพศสัมพันธ์
- "ก็คบกันมาตั้งนานแล้วไม่ต้องใช้ก็ได้" ถูกต้องที่คุณคบกับเขามานาน แต่เขาล่ะคบคุณคนเดียวหรือเปล่า ไม่ผิดที่คุณจะไว้ใจแฟนคุณ แต่คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าผู้หญิงคนอื่นๆของแฟนคุณปลอดภัยแน่หรือ?
- "หน้าตาดูสะอาดดี ไม่มีอะไรหรอก" เคยได้ยินคำว่า "รู้หน้าไม่รู้ใจ" ไหม เชื้อเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบบีและซี เริม ซิฟิลิส โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกหลายโรคที่ไม่ได้แสดงอาการทางใบหน้าและร่างกาย รู้ได้อย่างเดียวก็คือผลตรวจเลือด
- "แค่ครั้งเดียวไม่เป็นไรหรอก" มีผู้ชายหลายคนติดเชื้อเอชไอวีจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก และผู้หญิงอีกไม่น้อยตั้งท้องอย่างไม่ตั้งใจจากการมีเซ็กซ์เพียงครั้งเดียวโดยไม่ได้ป้องกัน