จุดเปลี่ยนและอดีตที่พลาดพลั้ง

 
       ผู้หญิงที่นั่งสงบนิ่ง ริมฝีปากบางยกยิ้มเล็กน้อย ตรงหน้าเราคือ “ญาดา” หญิงวัยผู้ใหญ่ รูปร่างผอมสูง ผมยาว จมูกโด่ง ใบหน้าเรียวยาวได้รูป ดวงตาเรียวสองชั้น เครื่องประกอบรูปหน้าของเธอบ่งบอกว่าเธอคือผู้หญิงที่หน้าตาดีคนหนึ่ง... มาก่อน ...ถ้าไม่มีความทุกข์ ความเศร้าหมอง และโรคร้ายมาเบียดเบียน ผิวของเธอก็น่าจะเคยขาวใส เพียงแต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยผื่น ตุ่มแดง เต็มไปทั่วร่างกายและบางแห่งก็ตกสะเก็ดเนื่องจากอาการคันและเกาจนเกิดแผล... ขณะที่เล่าเรื่องราวในชีวิตอันน่าสนใจ แววตาของญาดานั้นเหมือนมองผ่านทะลุพวกเราและย้อนกลับไปสู่อดีต...
 
       “ญาดา” มาจากครอบครัวที่ยากจน ซ้ำพ่อแม่ยังแยกทางกันตั้งแต่เธอยังเด็กแล้วแม่ก็ไปมีครอบครัวใหม่อยู่ที่กรุงเทพฯ ญาดายังจำหน้าแม่ไม่ค่อยได้เลยด้วยซ้ำ ย่าจึงเป็นผู้รับเลี้ยงญาดา ส่วนพ่อก็ทำอาชีพรับจ้างก่อสร้าง และเสียชีวิตด้วยไข้ป่าตั้งแต่ญาดาอายุได้ประมาณ 7-8 ขวบ เมื่อถามถึงเรื่องการเรียน ญาดา จึงเล่าว่า...
 
       “ได้เรียนแค่ ป.6 เองค่ะ เพราะกำลังเรียน ม.ต้นได้เทอมเดียวก็มีจดหมายจากรุ่นพี่เขียนมาจีบ แล้วคนที่บ้านเจอเอาไปฟ้องย่า และเขากลัวหนูใจแตกเลยให้ออก... ถ้าหนูได้เรียนมากกว่านั้นก็คงไม่เป็นอย่างนี้”
 
       หลังจากถูกบังคับให้เลิกเรียน ญาดาจึงต้องไปทำงานเป็นพนักงานเติมน้ำมันที่ปั้มน้ำมันใกล้บ้าน ไม่นานเธอก็พบรักกับแฟนหนุ่มที่อายุมากกว่าเธอ 4 ปี และเพียงไม่นานทั้งคู่ก็แอบมีอะไรกันตอนนั้นญาดามีอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น เมื่อที่บ้านของญาดาจับได้จึงได้แจ้งความดำเนินคดี และเรียกร้องค่าเสียหายแต่ญาดาไม่ยินยอมเธอบอกว่า

          “เราสองคนรักกัน” แล้วญาดากับแฟนคนแรกก็ผูกข้อมือเป็นสามี-ภรรยากัน... แต่ความรักครั้งแรกของญาดาก็ไปไม่รอด... ไม่ถึงเดือนแฟนที่เพิ่งจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นสามีก็หนีหายไปเพราะเขาและคนในครอบครัวของญาดาไม่ลงรอยกัน... หลังจากถูกสามีทิ้งไปญาดาก็ตรอมใจไม่กินไม่นอนจนร่างกายทรุดโทรมวันๆ เอาแต่ร้องไห้นอนซมอยู่เป็นเดือน เธอบอกความรู้สึกตอนนั้นว่า “ถึงใครจะว่าเป็นรักแบบเด็กๆ แต่หนูก็รักเขามาก”

       แล้วจุดเปลี่ยนอีกครั้งในชีวิตญาดาก็มาถึงอีกครั้งเมื่อป้าที่อยู่กรุงเทพฯ มาเยี่ยมและทนดูสภาพหลานไม่ไหวจึงพาญาดาเข้ากรุงเทพฯ เพื่อตามหาแม่แต่ไม่พบเพราะแม่ไปอยู่กับสามีใหม่ ญาดาจึงอยู่กับน้าสาว(น้องของแม่) ช่วงนี้ชีวิตของญาดามีความสุขเพราะน้าให้เธอช่วยขายของ และยังแบ่งกำไรให้ อีกทั้งยังส่งเธอเรียนต่อ... แต่คงเหมือนกับสุภาษิตที่ว่า “คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล” ญาดาเรียนต่อได้เพียงปีเดียวก็เริ่มติดเพื่อน และเข้ากลุ่มเด็กเที่ยวมีกิ๊กชอบเที่ยว สุดท้ายญาดาไม่กลับบ้านแม้ว่าน้าจะมาตามเธอก็ไม่กลับ ณ ขณะนั้นเธอคิดว่าการเที่ยวสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด เธอมีความสุขที่ได้เที่ยวและคล้ายกับญาดาจะเสพติดการเที่ยว การสรวลเสเฮฮาในวงเหล้า แม้ไม่มีเงินเธอก็ยังเอาทองไปขายเพื่อพากันเที่ยวญาดารู้สึกว่า... เธอได้รับการยอมรับในกลุ่ม...

       ด้วยวัยเพียง 16 ปี เมื่อญาดาต้องดิ้นรนใช้ชีวิตด้วยตนเองเธอจึงทำอาชีพพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารตอนกลางคืน ทำงานนั่งดริ้งค์ และเลยเถิดไปจนกระทั่งเมื่อไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าห้อง หรือเงินขาดมือญาดาก็จะขายบริการทางเพศ หรือไม่ก็มีคนรับเลี้ยง ญาดาใช้ชีวิตแบบนี้อยู่ประมาณเกือบสี่ปี แล้วเธอจึงได้มาพบกับแฟนที่จะมาเป็นสามีคนที่สองของเธอ เมื่อมีผู้ชายเข้ามาดูแลใช้ชีวิตร่วมกันน่าจะเป็นสิ่งดีสำหรับชีวิตลูกผู้หญิงคนหนึ่ง... แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเสมอไป

         “พอหนูมามีแฟนคนนี้ก็เหมือนเอาชีวิตของตัวเองเข้ามาพัวพันกับยาเสพติด ยาบ้า ยาไอซ์ ทั้งลองเสพ และขาย และสุดท้ายก็ติดคุก ” นี่คือคำบอกเล่าของญาดา แน่นอนว่าคงไม่ใช่ความผิดของสามีเธอฝ่ายเดียวเท่านั้นที่ทำให้เธอต้องมายุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ ส่วนหนึ่งมันก็มาจากการตัดสินใจของตัวเธอเองที่เลือกแฟนหรือสามีแบบนี้ เพราะเขาก็เสพยาและค้ายามาก่อนที่จะคบกับญาดา และแม้เมื่อมาอยู่ด้วยกันเธอก็ไม่ได้คัดค้านหรือแยกตัวจากเขา... ที่สำคัญญาดาพบกับสามีคนนี้ในสถานที่เที่ยวยามค่ำคืนและใช้เวลาคบหากันเพียงสองเดือนเท่านั้นก็มาอยู่ด้วยกัน... ชีวิตครอบครัวของเธอช่วงนี้ไม่ได้มีแค่เรื่องยาเสพติดแต่มีการใช้ความรุนแรงร่วมด้วย...

          “หนูติดคุกเพราะหิ้วยา ตัดสิน 10 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 5 ปี ไปอยู่เรือนจำ 3 แห่ง ลาดยาว คลองเปรมและมีนบุรี พอประพฤติตัวดีได้รับอภัยโทษ 2 ปีกว่า เลยได้ออกจากคุก... พอออกจากคุกหนูไปบวชชีพราหมณ์เลย... อยากจะอยู่อย่างสงบ... แต่หนูก็ต้องสึกออกมาเพราะก็ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเอง”

         แล้วญาดาก็กลับเข้าสู่วงจรเดิม ทำงานตามแหล่งเที่ยวกลางคืน เสิร์ฟ นั่งดริ้งค์ เสพยา ค้ายา และได้พบกับแฟนคนที่สามที่อยู่ในวังวนเดียวกัน จนกระทั่งแฟนถูกตำรวจจับคดีค้ายาเสพติดแฟนติดคุก ญาดายังคงทำต่ออีกไม่นานก็ต้องเลิกเพราะเธอถูกตำรวจขึ้นบัญชีดำแล้วต้องอยู่อย่างหวาดระแวง เธอจึงอยู่บ้านเสพยาไอซ์และท่องโลกอินเตอร์เน็ตจนกระทั่งนำพาญาดาได้เข้าไปดูแคมฟรอก(Camfrog)

         “หนูเล่นได้ทั้งวันทั้งคืนมันมีห้องแชทที่ให้พูดคุยกัน หนูมีเพื่อนเยอะมากในนั้น หนูหยุดไม่ได้เลยเล่นจนติดไม่กินไม่นอน ที่หนูมาเสพไอซ์เพื่อจะได้ไม่ต้องนอนจะได้เล่นได้นานๆ” จากคำบอกเล่าของญาดาดูเหมือนว่าเธอน่าจะเสพติดแคมฟรอกไปเสียแล้ว เมื่อถามเธอว่ามันสนุกหรือดีตรงไหนเธอให้คำเฉลยกับเราว่า

       “สนุก ไม่อยากหลับเลย มีเพื่อนมีที่ปรึกษาคอยปรับทุกข์ มีทั้งคำพูดดีแบบให้กำลังใจที่ไม่ดีก็มีบ้าง และก็มีแบบมาจีบก็เยอะ มันมีความสุข” และเมื่อเล่นไปสักพักจึงมีคนมาแนะนำให้เธอเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในห้องโชว์...

         “ก็ไม่ได้เสียหายอะไร... ไม่ได้ขายบริการทางเพศ... ก็แค่ถอดแล้วยังได้เงินก็ลองทำดู”

          ญาดาทำอาชีพนี้อยู่ปีกว่า พอต้นปี 2556 เริ่มมีอาการเป็นผื่นคันตามตัว เหนื่อยง่าย จึงไปตรวจเลือด ซึ่งผลออกมาว่า ญาดาติดเชื้อ เอช ไอ วี ... หลังจากทราบผลเลือดสุขภาพของญาดาก็ทรุดในทันทีเธอต้องเข้านอนโรงพยาบาลด้วยภาวะแทรกซ้อน เชื้อราขึ้นสมอง เมื่อออกจากโรงพยาบาล... เธอจึงตัดสินใจไปบวชชีพราหมณ์อีกครั้ง... แต่ด้วยสภาพร่างกายที่มีแต่ตุ่มผื่น ผอมซูบซีด จึงได้รับการตอบสนองจากคนอื่นๆ คล้ายการรังเกียจและปฏิเสธไม่อยากให้เธออยู่ร่วมด้วย ญาดาจึงปลีกตัวออกมาและมาพักรักษาร่างกายและจิตใจที่บ้านพักฉุกเฉิน... ก่อนจบการเล่าสู่กันฟังในครั้งนี้ญาดาได้บอกกับเราด้วยแววตาที่กลับมาสู่ปัจจุบันและมองไปยังอนาคตว่า “ตอนนี้หนูแข็งแรงมากขึ้น ผิวก็เริ่มดีขึ้น รู้สึกมีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป จะเรียนฝึกอาชีพและพยายามดูแลตัวเองรอวันที่จะเป็นปกติจะออกไปทำงานจะเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม และจะทำชีวิตให้ดีกว่านี้” ซึ่งไม่ว่าเมื่อถึงในวันข้างหน้าแล้ว ญาดาจะสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ อย่างที่เธอและเราหวังไว้หรือไม่... ก็คงเป็นเรื่องของอนาคต

หากผู้หญิงและเด็ก ท่านใดประสบปัญหาในชีวิต เช่น ความรุนแรงในครอบครัว ท้องไม่พร้อม ถูกข่มขืน หรือติดเชื้อ เอช ไอ วี สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน 501/1 ซ.เดชะตุงคะ 1 ถ.เดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 0 2929 2222 ตลอด 24 ชม. อีเมลล์: knitnaree@hotmail.com และ ในกรณีที่ท่านต้องการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กในบ้านพักฉุกเฉินสามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และหาทุน โทร. 0 2929 2301-3 ต่อ 109,113 หรือ 0 2 929 2308 อีเมลล์: admin@apsw-thailand.org

Facebook: สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯบ้านพักฉุกเฉินดอนเมือง www.facebook.com/apswthailand.org หรือ สามารถดูข้อมูลรายละเอียดผ่านทางเว็บไซด์สมาคม www.apsw-thailand.org

ความหมายของแคมฟรอก(Camfrog) จาก วิกิพีเดีสารานุกรมเสรี http://th.wikipedia.org/

          แคมฟรอก (Camfrog) เป็นซอฟต์แวร์ของบริษัทแคมแชร์ (Camshare) สามารถให้ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนภาพจากเว็บแคมและเสียงผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยโปรแกรมนี้สามารถใช้ให้มีการประชุมออนไลน์ได้หลายคนพร้อมกัน แคมฟรอกแตกต่างจากโปรแกรมทั่วไปโดยผู้ใช้สามารถใช้โปรแกรมบนเซิร์ฟเวอร์ของตัวเองได้ ในปัจจุบัน แคมฟรอกมีการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิด และการแสดงวิดีโอ หลายอย่างรวมถึงเรื่อง การท่องเที่ยว กีฬา ภาษา วัฒนธรรม เล่นเกมตอบปัญหาออนไลน์ แม้แต่เรื่องทางเพศ แคมฟรอกมีการใช้งานแบ่งออกเป็นห้องโดยแต่ละห้องจะแบ่งออกตามหัวข้อในการสนทนาต่างๆ