ใต้ร่มพระบารมี 

 

ปี  2525  เป็นปีประวัติศาสตร์ที่จารึกจุดเริ่มต้นของพระกรุณาที่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ประทานแก่บ้านพักฉุกเฉิน  สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ  และต่อมาในปี 2531  ได้ทรงพระกรุณารับสมาคมฯ ให้อยู่ในพระอุปถัมภ์   รวมระยะเวลา ต่อเนื่องมารวมเกือบ 30 ปี     นับเป็นสิ่งล้ำค่าที่คณะกรรมการและเจ้าหน้าที่สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ   ด้วยความปลาบปลื้มอย่างหาที่สุดมิได้ตลอดมา

“ทรงเป็นแสงส่องนำทางให้สมาคมฯได้ก้าวเดินไปอย่างถูกต้องและเจริญก้าวหน้า

ทรงเป็นสายตาอันกว้างไกลให้สมาคมฯ ได้มุ่งมองไปข้างหน้าอย่างมีวิสัยทัศน์ และชี้ให้สังคมได้เห็นปัญหาและร่วมมือกัน   

ทรงเป็นแรงบันดาลใจของสมาคมฯในการไม่หยุดนิ่งที่จะริเริ่มสร้างสรรค์ กล้าคิด กล้าทำ พัฒนาสิ่งใหม่ๆเพื่อประโยชน์แก่สตรีและสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ   

ทรงเป็นพลังให้สมาคมฯสานความรักความสามัคคี  ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจต่อหน้าที่ภารกิจ ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆโดยไม่ย่อท้อ  สู่เป้าหมาย 

ทรงเป็นอ้อมกอดอันอบอุ่นให้คนไทยและสังคมไทยได้ช่วยเหลือดูแล เอาใจใส่กันและกันเสมอมา”

วันเริ่มต้นคือ วันที่ 19 สิงหาคม 2525     พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุเสด็จเปิดบ้านพักฉุกเฉินหลังแรก   โดยขณะนั้น บ้านพักฉุกเฉินเป็นโครงการร่วมระหว่างกลุ่มส่งเสริมสถานภาพสตรี กับสมาคมบัณทิตสตรีทางกฏหมายแห่งประเทศไทย มาตั้งแต่ ปี 2523

ช่วงต่อมาจากปี 2525   บ้านพักฉุกเฉินได้ดำเนินงานให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็ก   ไม่นานนัก ก็เป็นที่รู้จักกว้างขวาง เป็นที่พักชั่วคราวและให้คำปรึกษาเพื่อให้ทางเลือกสำหรับการแก้ไขปัญหาชีวิตแก่ผู้หญิงจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ   เมื่อพื้นที่ให้ความช่วยเหลือคับแคบลง   บ้านพักฉุกเฉินหลังที่ 2  และอาคารอื่นๆ จึงเกิดขึ้น ในพื้นที่ 21 ไร่ บริเวณ ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง ซึ่งคุณรวีวรรณ  บำรุงรักษ์ ได้บริจาคที่ดินให้ และผู้มีจิตศัทธาทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งอดีตประธานาธิบดีจิมมี่  คาร์เตอร์ และภริยา ได้บริจาคเงินค่าก่อสร้างอาคารด้วย

สมาคมฯได้รับพระกรุณาจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ  พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ  พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา   เสด็จเปิดอาคารบ้านพักฉุกเฉินหลังที่ 2   ซึ่งทรงอนุญาตให้ใช้พระนามเป็นชื่ออาคาร   เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2530   โดยในการเสด็จเปิด “อาคารโสมสวลี”    ครั้งนั้น   ทรงมีพระปฎิสันถารให้กำลังใจแก่สมาชิกบ้านพักฉุกเฉินที่ได้เข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด

ต่อมาในปี 2531 เป็นปีที่มีความหมายที่สุดของสมาคมฯ เนื่องด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้ทรงพระกรุณารับเป็นองค์อุปถัมภ์ของสมาคมฯ

การดำเนินงานในช่วงต่อมาได้เอี้ออำนวยให้สมาคมฯ ได้รับแรงสนับสนุนจากหลายแห่ง และเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2532 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้เสด็จเปิดอาคารนารินทร์กรุณา ซึ่งเป็นอาคารที่ทำการของสมาคมฯ และเป็นศูนย์การศึกษาและฝึกอาชีพสำหรับผู้หญิง

ประสบการณ์ช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กขยายกว้างตามปีที่ผ่านไปในขณะเดียวกันก็ได้บทเรียนที่หลากหลาย และสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องทำงานในเชิงรุก ไปพร้อมกับความพยายามที่จะช่วยเหลือ เพราะปัญหาที่ผู้หญิงประสบนั้น หลายปัญหาน่าที่จะป้องกันได้

ในปี 2532 ได้มีการก่อตั้งสถาบันวิจัยบทบาทหญิงชายและการพัฒนาขึ้นในสมาคมฯ เพื่อดำเนินงานวิจัยเชิงปฎิบัติการรวมทั้งรณรงค์เพื่อการกำหนดและปรับเปลี่ยนนโยบายที่เอื้อต่อการเสริมสร้างสถานภาพของผู้หญิง ในขณะเดียวกัน อีกช่องทางของการลดปัญหาที่ประสบนั้น เป็นงานระยะยาวที่ต้องเริ่มตั้งแต่การปลูกฝังเยาวชน เพื่อพัฒนาศักยภาพและคุณธรรม หล่อหลอมและปลูกฝังจิตสำนึกต่อส่วนรวม และส่งเสริมให้มีทัศนคติที่เคารพต่อศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน โดยมุ่งพัฒนาแกนนำเยาวชน จึงได้มีการจัดตั้งศูนย์เยาวชนดอนเมืองร่วมพัฒนาสังคมไทยขึ้น โดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้ทรงเสด็จเปิดศูนย์ฯ เมื่อปี 2538 ในวาระเดียวกับการขยายพื้นที่ทำการของบ้านพักฉุกเฉิน

เมื่อสมาคมฯ สามารถดำเนินการให้บริการและความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กที่ประสบปัญหาได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น บ้านพักฉุกเฉินหลังที่ 3 จึงเกิดขึ้น เป็นอาคาร 5 ชั้น ซึ่งทำให้สามารถให้บริการได้อย่างเต็มที่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จเปิดอาคารหลังที่ 3 เรียกชื่อว่า “อาคารคุณหญิงสิน ภักดีนรเศรษฐ” เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2538 นับเป็นพระกรุณาธิคุณ แก่สมาคมฯ อีกครั้ง

ในการพัฒนากระบวนการดูแลผู้หญิงอย่างรอบด้าน บริการที่ครบวงจรล่าสุดที่ช่วยกันสร้างขึ้นเมื่อปี 2546 คือศูนย์กนิษฐนารี ซึ่งพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้เสด็จเปิดเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2546 โดยได้ทรงให้ความสนพระทัยในขั้นตอนกระบวนการดำเนินงานของศูนย์ที่ต้องใช้ทีมสหวิชาชีพมีการดูแลด้านสุขภาพ ฟื้นฟูสภาพจิตใจ และอารมณ์ รวบรวมหลักฐานวัตถุพยาน ตลอดจนดำเนินการประสานกับตำรวจ อัยการในด้านคดีความด้วยอุปกรณ์เครื่องมือที่พร้อมสรรพ รวมทั้งเสด็จเยี่ยมชมห้องสืบสวนที่ใช้กระจกทางเดียว พร้อมติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิด สามารถบันทึกภาพและเสียงได้ตามมาตรฐานของกระบวนการสืบพยาน ทั้งหมดนั้น มุ่งที่จะให้ผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศได้รับความช่วยเหลืออย่างครบวงจร ณ จุดเดียวโดยไม่ต้องเดินทางไปยังสถานที่ที่เป็นพื้นที่สาธารณะหลายแห่ง

 

ปี 2548 เป็นอีกปีที่มีความสำคัญ คือ บ้านพักฉุกเฉินดำเนินงานมาครบ 25 ปี ซึ่งสมาคมฯ ได้รับพระเมตตา เสด็จมาเป็นองค์ประธานในงาน ซึ่งมีการเสวนาในเรื่องปัญหาความรุนแรง และประทานรางวัลพลังใจเพื่อสังคมไทยแก่ ผู้หญิง 5 คน ผู้ชาย 1 คน และหน่วยงานรวม 3 แห่ง

เมื่อเสด็จเป็นองค์ประธานในโครงการรณรงค์เพื่อลดการประทุษร้ายต่อผู้หญิงซึ่งหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนรวม 14 หน่วยงาน โดยมีนิตยสารคอสโมโพลิแตนเป็นแกนนำ เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2549 ณ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ นั้นได้ทรงเล่าให้ผู้เข้าเฝ้าฟังว่า ได้เคยทอดพระเนตรเห็นสามีทำร้ายภรรยาริมถนน โดยที่ไม่มีใครก้าวเข้าไปช่วยและทรงฝากให้ตำรวจเป็นธุระช่วยดูแลเหตุการณ์ในลักษณะนั้นด้วย ทรงมีพระดำริว่าทุกคนต้องช่วยกัน

ในวันนั้นพระองค์ได้ทรงคล้องนกหวีด ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของโครงการลดการประทุษร้ายต่อผู้หญิง เมื่อคณะผู้จัดงานได้ทูลเกล้าถวาย    ยังความปลาบปลื้มให้คณะผู้จัดงานเป็นอย่างมาก

ในช่วงที่ประเทศไทยประสบภัยสึนามิ สมาคมฯ ได้รับพระกรุณาธิคุณ ให้นำโครงการที่สมาคมฯ ร่วมกับมูลนิธิเด็กโลกแห่งสมเด็จพระราชินีสวีเดน ที่ดำเนินกิจกรรมโครงการเพื่อนใจวัยทีนกับวัยรุ่นที่ประสบภัยสึนามิ ให้อยู่ภายใต้กรอบความร่วมมือของศูนย์การเรียนรู้เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจเด็กต่างวัยที่ประสบภัยสึนามิที่มูลนิธิเพื่อนพึ่ง(ภา)ฯดำเนินการ เป็นการต่อยอดการดำเนินงานกับเด็กและเยาวชนที่ประสบภัยในพื้นที่ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา โดยได้ทรงร่วมเป็นประธานในการเปิดโครงการกับสมเด็จพระราชินีซิลเวียด้วย และในอีก 1 ปีถัดมา ได้เสด็จเปิดอาคารเฉลิมพระเกียรติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงเจริญพระชันษา 48 ปี ซึ่งสมาคมฯ ได้จัดสร้างขึ้นด้วยการสนับสนุนของมูลนิธิยูนิลีเวอร์ออสตราเลเซีย เพื่อให้เป็นสถานที่สำหรับเยาวชนจัดกิจกรรม

ระหว่างปี 2550 ถึง 2552 สมาคมฯ ได้รับพระเมตตาในหลายลักษณะ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุทรงเสด็จเป็นองค์ประธานในงานที่จัดขึ้นในโอกาสที่สมาคมฯ ได้จดทะเบียนมาครบ 25 ปี ในตอนต้นปี 2551 โดยในงานดังกล่าว ได้ประทานรางวัล “ผู้หญิงอิสระ” แก่ผู้หญิงที่มีความเป็นตัวของตัวเองมีปณิธานที่มุ่งมั่น และทำประโยชน์ต่อสังคม จำนวน 10 คนด้วย

ส่วนในปี 2551 ได้ทรงเสด็จพร้อมพระจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ร่วมเสวยพระกระยาหารกลางวันกับสมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีซิลเวีย แห่งสวีเดน ในงานหาทุนสมทบบ้านพักฉุกเฉินที่กลุ่ม Friends of Childhood ได้จัดขึ้นเมื่อสิงหาคม และในปี 2552 ก็ได้รับพระกรุณาประทานกระเป๋าถือ สำหรับการประมูล ในงานหาทุนเพื่อบ้านพักฉุกเฉิน ซึ่งกลุ่ม Friends of Childhood ได้จัดอีกคำรบหนึ่ง

ตลอดเวลากว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมานั้น ด้วยพระบารมีของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ องค์อุปถัมภ์ บทบาทของสมาคมฯ ค่อนข้างโดดเด่น เป็นที่รู้จักในหลายฐานะโดยเฉพาะหน่วยงานที่พร้อมให้ที่พักพิงและความช่วยเหลือแก่ผู้หญิงและเด็กที่ประสบปัญหา

การที่ทรงพระกรุณารับการกราบทูลเชิญเสด็จงานต่างๆ ที่สมาคมฯ จัดขึ้นไม่ว่าจะเป็นงาน รณรงค์หาทุนเพื่อบ้านพักฉุกเฉิน  หรือเป็นงานที่มุ่งเผยแพร่สาระของปัญหา ในทุกวาระตลอดมารวมทั้งพระดำริที่ประทานในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับผู้หญิงเด็กและครอบครัว  นอกจากจะเอื้อต่อการสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธา ของสาธารณชนที่มีต่อสมาคมฯ แล้ว   ยังสะท้อนถึงความสำคัญที่ทรงตระหนักต่อปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงและเด็ก    นับเป็นการส่งสัญญาณให้กับสังคมไทยให้หันมาใส่ใจกับปัญหาต่างๆ เหล่านั้นมากขึ้น   นับเป็นคุณูปการแก่สังคมไทยอย่างใหญ่หลวง

สำหรับสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ นั้น พระกรุณาธิคุณที่ประทานให้ พระจริยวัตรที่อ่อนโยนงดงามที่แสดงออกจากน้ำพระทัยที่ห่วงใย เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่สำหรับคณะกรรมการ และเจ้าหน้าที่ ในการใช้เป็นจุดยึดเหนี่ยวในการทำงาน และ สำหรับสมาชิกบ้านพักฉุกเฉิน น้ำพระทัย และพระเมตตา ที่เขาเหล่านั้นรู้สึกได้ เป็นฐานของการสร้างความเข้มแข็งในการที่จะออกไปผจญชีวิตต่อไป เช่น ความรู้สึกที่ถ่ายทอดโดยสมาชิกวัยรุ่นบ้านพักฉุกเฉินคนหนึ่งว่า “เมื่อท่านรับสั่งว่า “เป็นกำลังใจให้นะ สู้ต่อไป” ท่านทรงแย้มพระสรวลด้วยพระพักตร์ ที่มีความห่วงใยเราอยู่ ซึ่งเราสัมผัสถึงความอบอุ่นนั้นได้ ...

สิ่งที่อยากทำถวายท่าน คือ ทำตัวเป็นคนดีของสังคม และจะสอนให้ลูกเป็นคนดีด้วย จะตั้งใจเรียนและหางานทำที่ดี   เป็นแม่ที่ดีของลูก  ให้สมกับที่ท่านได้ทรงมีเมตตาดูแลเรา”