เสียงหญิงวัยกลางคนที่หน้าตาและการแต่งกายดูดีด่าทอเด็กลูกจ้างที่นั่งซักผ้าอยู่ด้านหน้าดังโหวกเหวก สิ้นเสียงนั้นก็ตามมาด้วยเสียง "ปึ๊ก" ท่อแป๊ปเหล็กรูปทรงกลมที่ใช้เป็นราวตากผ้าไม่ทราบขนาดฟาดเข้ากลางหลังของเด็ก เด็กน้อยหล่นจากเก้าอี้ ความเจ็บแล่นเข้าสู่กลางลำตัวแผ่เป็นวงกว้างไปรอบหัวใจกลั่นเป็นน้ำใสๆ ออกจากตา

          "คุณผู้หญิงอย่าทำหนู หนูกลัวแล้ว" เด็กน้อยละล่ำละลักพร้อมยกมือไหว้ขอความเมตตา คุณผู้หญิงหยุดชะงัก ประกายตาของเด็กน้อยเริ่มมีความหวังว่าคุณผู้หญิงคงสงสารตนบ้าง ฉับพลันคุณผู้หญิงก้มลงคว้าเก้าอี้ไม้ตัวเล็กฟาดตามลงมา เด็กน้อยก้มศีรษะเพื่อป้องกันภัยตามสัญชาติญาณการเอาตัวรอด

        "โพล้ะ" เสียงเก้าอี้กระทบกับด้านหลังศีรษะของสวย เสียงนี้ต้องมีอะไรแตกหักบางอย่าง เก้าอี้ที่หล่นอยู่ข้างกายของสวยยังคงอยู่ในสภาพเดิมเหมือนก่อนหน้านี้ สวยรู้สึกตึบๆ ที่ศีรษะเหมือนมีชีพจรไปเต้นอยู่ตรงนั้น จากชาหนึบกลายเป็นเจ็บและปวด สวยค่อยๆ ยกมือขึ้นแตะคลำศีรษะของตนเอง มีน้ำข้นๆ เหนียวเหนอะสีแดงเข้มและมีกลิ่นคาวติดมือมา


         สวยไม่โง่จนจะไม่รู้ว่าตนเองบาดเจ็บ สวยรู้ว่าตนเองบาดเจ็บจากการถูกทำร้าย แต่เด็กน้อยบ้านนอกตัวคนเดียวจะทำอย่างไรได้ เธอมีทางเลือกอื่นหรือไม่หากครอบครัวนี้ซึ่งเป็นครอบครัวเดียวที่เธอรู้จักในเมืองใหญ่ไม่หยิบยื่นความปราณีให้... แล้วเหตุการณ์นั้นก็ผ่านไปสำหรับคนในบ้านนั้น แต่สำหรับสวย มันไม่ได้ผ่านไปอย่างง่ายดาย ความทุกข์ทรมานจากบาดแผลที่ไม่ได้รับการเยียวยาเลยได้ส่งผลออกทางกาย สวยตัวร้อนราวกับไฟ ลมหายใจเข้าออกช่างผ่าวร้อนจนแสบจมูก ลำคอแห้งผาก ปากแตกเป็นขุยจนเลือดออกซิบๆ แต่สวยยังต้องแข็งใจทำงานต่อไปจนกลางดึก สวยแบกร่างกายอันหนักอึ้งสู่ห้องของตน ทิ้งตัวลงนอนและควานหาผ้าห่มมาห่อร่างกายที่คล้ายมีไฟเผาแต่ในความรู้สึกของสวยเธอหนาวเหน็บและสั่นเทาราวเป็นไข้จับสั่น สติของสวยดับวูบลงอย่างไม่อินังขังขอบต่ออะไรทั้งสิ้น

         คงได้เวลาทำงานอีกแล้ว สวยบอกตัวเอง เสียงคุณผู้หญิงมาตะโกนอยู่หน้าห้อง ประสาทรับรู้ของสวยยังทำงานอยู่แต่ร่างกายกลับไม่ไหวติง มันคงอยากจะลาป่วย สวยไม่สามารถขยับตัวได้เลย ทุกอณูขุมขนมันเจ็บปวดและหนาวสั่น คุณผู้หญิงเปิดประตูเข้ามายืนมองและพูดอะไรไม่รู้ คงไม่มีใครรู้ได้ว่าภาพที่เห็นส่งผลอะไรต่อความรู้สึกนึกคิดของสาวใหญ่คนนี้บ้าง ความรู้สึกผิด สงสาร และเมตตา จะมีในพจนานุกรมชีวิตของเธอหรือไม่ หลังจากนั้นสวยถูกบังคับให้ต้องมีเรี่ยวแรง คุณผู้หญิงสั่งให้สวยเก็บสมบัติเท่าที่จะทำได้ใส่กระเป๋าใบเดิมที่มาจากบ้านแล้วลากตัวสวยมาโทรศัพท์หาแม่ บังคับให้พูดตามที่คุณผู้หญิงสั่งเท่านั้น แต่สวยไม่พูดอะไรเลย การนิ่งเฉยของสวยเป็นการกระตุ้นอารมณ์โกรธของคุณผู้หญิง คุณผู้หญิงยกเท้าขึ้นมาตบหน้าสวยหลายที สวยเจ็บจนรู้สึกชาไปหมดแล้ว คุณผู้หญิงก็ลากสวยออกจากบ้านขึ้นรถ


         เมื่อรถจอดสนิท คุณผู้หญิงพาสวยลงมายังสถานที่แห่งหนึ่งเป็นอาคารหลังใหญ่โตสีขาว หลังคาโค้ง มีผู้คนเดินขวักไขว่เข้าออกพร้อมสัมภาระ สวยตาลายและสับสนว่านี่คือที่ไหนกัน ไม่นานจึงเริ่มรู้สึกคุ้นๆ... ใช่สวยเคยมาที่นี่มาก่อน มันมีรถจักรรูปร่างคล้ายหนอนตัวยาวๆ ที่เวลามันเคลื่อนตัวจะมีเสียง "ฉึกฉักๆ" ที่สวยและเพื่อนๆ มักร้องเล่นกันบ่อยๆ ว่า "ถึงก็ซ่าง... บ่ถึงก็ซ่าง" มันเคยพาสวยมาสู่มหานครแห่งนี้ และมาพบกับครอบครัวที่แสนโหดร้าย และตอนนี้คุณผู้หญิงพาสวยไปช่องซื้อตั๋ว จ่ายเงินแล้วพาสวยไปส่งขึ้นรถไฟกลับบ้าน

         นั่นคือสิ่งที่ทำให้สวยคิดว่าคงเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตที่พบคุณผู้หญิง แต่โลกมันกลม และใครทำอะไรไว้ย่อมได้รับผลจากการกระทำนั้นเสมอ

         หลังจากสวยหลับๆ ตื่นๆ ด้วยพิษไข้อยู่บนรถไฟเพียงลำพังจนถึงตัวเมืองของจังหวัดแห่งหนึ่ง มันได้จอดแวะส่งสวยลงปลายทางที่ต้องการแล้วรถจักรคันยาวก็ทอดทิ้งสวยไว้ที่สถานีอย่างเดียวดาย... สวยหาเศษเหรียญหยอดตู้โทรศัพท์ไปหาป้าเพื่อให้ช่วยไปบอกแม่ เพราะครอบครัวสวยไม่มีหรอกไอ้โทรศัพท์มือถือเนี่ย จากนั้นสวยแข็งใจแบกสังขารของตนเองไปนั่งรถสองแถวที่ป้าบอกเพื่อไปลงหน้าหมู่บ้าน แล้วแม่กับป้าจะมารับ แรกพบแม่ตกใจกับสภาพลูกน้อยที่เห็น... เหมือนแม่ถูกสายฟ้าฟาดลงกลางใจ นี่ลูกฉันไปโดนอะไรมา... นี่ฉันส่งลูกไปลงนรกมาหรือนี่... ใครทำอะไรกับลูกของฉัน ความเสียใจและรู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องลูกของตนเองได้ คำถามข้อสงสัยหลากหลายประดังประเดเข้ามา...

         แม่... หญิงชาวบ้านผู้ต่ำต้อยน้ำตาคลอ แม่สวมเสื้อยืดเก่าซีดขาดเป็นรู ผ้าถุงลายขวางที่แสนซ่อมซ่อคงจะเปื่อยยุ่ยติดมือมาถ้าถูกจับต้องแรงๆ แม่ยังคงตัดผมสั้น โหนกแก้มและหน้าผากเต็มไปด้วยฝ้าซึ่งก็ไม่รู้ว่าผิวที่แท้จริงของแม่เคยเป็นเช่นไร แม่สวมรองเท้าแตะคีบที่มีร่องรอยผ่านการออกงานมาอย่างโชกโชน ฝ่ามืออันแสนหยาบกร้านของแม่เอื้อมมาจับตัวลูกสาวคนโตดึงตัวเข้าไปสวมกอด เหมือนเส้นความอดทนของสวยได้ขาดสะบั้นลง สวยปล่อยโฮออกมาอย่างสุดชีวิต เสียงร้องไห้ของสวยกรีดลึกลงไปกลางใจกลางหัวอกคนเป็นแม่จนไม่สามารถบอกได้ว่าจากเหตุการณ์นี้ใครเจ็บปวดกว่ากัน

         ด้วยความช่วยเหลือของป้า สวยถูกนำตัวไปรับการรักษายังโรงพยาบาลประจำจังหวัด และมีองค์กรเอกชนเข้ามาช่วยเหลือทั้งด้านการรักษาพยาบาลและการดำเนินคดี หลังจากนั้นสวยได้ถูกพากลับมาสู่กรุงเทพฯ อีกครั้งเพื่อรับการบำบัด ฟื้นฟู เยียวยา ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ รวมไปถึงด้านการดำเนินคดี ณ องค์กรที่จินทำงานอยู่

         หลังจากพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาทั้งร่างกายและจิตใจอยู่ระยะหนึ่ง สวยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ความสดใสกลับมาสู่เด็กวัยรุ่นอีกครั้ง แต่สวยยังคงตกใจและตื่นเต้นง่ายมากกับสถานการณ์ใหม่ๆ ฝันร้ายกลับมาเยือนสวยในบางค่ำคืน แต่สวยก็รู้ว่ามันไม่จริงและย้ำกับตัวเองทุกครั้งว่าที่นี่ปลอดภัยเหมือนที่คุณหมอและพี่ๆ ทุกคนให้ความมั่นใจกับสวย เมื่อผลการประเมินจากนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์และแพทย์รวมทั้งตัวสวยเองบ่งบอกว่า สวยพร้อมจะก้าวออกมาจากฝันร้ายแล้วเริ่มต้นใหม่ ป้านักสังคมสงเคราะห์ได้พาสวยไปสมัครเรียนชั้น ม.1

         วันนั้นสวยใส่ชุดนักเรียนใหม่เอี่ยม รองเท้านักเรียนถูกขัดจนมันเป็นเงา แต่สวยเกลียดทรงผมของตัวเอง มันเว้าแหว่งไม่เป็นทรงแม้มันจะยาวกว่าเดิม แต่ตรงที่เป็นแผลเป็นยังไม่มีผมขึ้นมาปกคลุมเลย สวยอาย... สวยกลัว... หัวใจของสวยเต้นราวกลองเพลระหว่างนั่งอยู่ต่อหน้าผู้อำนวยการโรงเรียน สวยนั่งก้มหน้า ไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไร จากสภาพทางกายของสวยทำให้ผู้อำนวยการโรงเรียนอ้ำอึ้งในการตัดสินใจอยู่นาน และมีคำพูดบ่ายเบี่ยงคล้ายๆ ว่าไม่อยากรับสวยเข้าเรียน แต่ป้านักสังคมสงเคราะห์ก็รับรองอย่างแข็งขัน สุดท้ายสวยกลับมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ซ่อนไว้อย่างไรคงไม่มิด สวยได้เรียนหนังสืออย่างสมใจโดยที่สวยปฏิญาณตนไว้เลยว่าจะต้องเรียนและเอาดีให้ได้

         เรื่องราวยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ มันแค่เพียงเริ่มต้นเท่านั้น ก็โลกมันกลม เพราะสวยยังต้องเข้าสู่กระบวนการเรียกร้องความเป็นธรรม ในวันสำคัญของสวยอีกวันหนึ่ง แสงสีทองเพิ่งสาดส่องแต่งแต้มท้องฟ้า ท้องถนนที่พลุกพล่าน รถติดเป็นแพอยู่เบื้องล่าง คณะของสวย แม่ จินและทีมงานอยู่ในรถบนทางด่วนที่ทอดยาว จุดหมายเพื่อไปยังสถานที่ราชการที่ดูศักดิ์สิทธิ์และน่าเกรงขาม ศาลอาญา สถานที่ที่ทำให้สวยจิตใจหวาดหวั่น ระทึก ระคนตื่นกลัว ทุกคนพยายามพูดคุยเพื่อผ่อนคลายความเครียด แม้ศาลจะมีระบบดูแลเหยื่อผู้ถูกกระทำที่เป็นเยาวชนอย่างดี เราก็คงหนีไม่พ้นที่ต้องพบหน้ากับคุณผู้หญิงที่มีสีหน้าและแววตาเรียบเฉย ริมฝีบางปิดสนิทราวกับไม่มีอะไรมาสั่นคลอนได้ สวยจับมือจินไว้แน่น เหงื่อออกเต็มอุ้งมือ จินรู้ว่าสวยรู้สึกหวาดกลัว รู้สึกไร้เรี่ยวแรงและรู้สึกว่าความเป็นคนของสวยลดน้อยลงยามเผชิญหน้ากับคุณผู้หญิง จินบีบมือเล็กๆ นั้นไว้ "ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว สวยไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว" นั่นคือสิ่งที่จินกระซิบบอกสวยในวันนั้น สวยและจินอยู่ในห้องแยกเพราะสวยยังอายุไม่ถึง 18 ปี สวยให้ปากคำกับศาลโดยผ่านกระบวนการป.วิอาญา มีนักสังคมสงเคราะห์เป็นตัวกลางในการให้การต่อศาล และต่อมาก็เป็นแม่ของสวยและคุณผู้หญิงที่ต้องอยู่ในห้องพิจารณาคดีและให้การต่อหน้าศาลโดยตรง แต่สวยไม่สามารถเข้าฟังได้ คุณผู้หญิงสู้คดีอย่างเต็มที่ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา จากคำให้การกลายเป็นว่า สวยเป็นเด็กดื้อ ซน ขี้เกียจ และลื่นหกล้มด้วยความซุ่มซ่ามของสวยเองรวมทั้งสวยมีแม่และญาติที่หัวหมอต้องการได้เงินจึงมาฟ้องร้องเอาผิดกับคุณผู้หญิงแบบนี้

         กฎแห่งการกระทำมีจริง... ปลูกไม้ผลอะไรไว้ผลของมันย่อมออกมาให้เก็บกินหรือชดใช้ คำตัดสินของศาลชั้นต้นตัดสินว่าจำเลยกระทำผิดจริง คุณผู้หญิงจึงยื่นอุทธรณ์ ซึ่งผลของมันก็ยังยืนตามศาลชั้นต้น ปัจจุบันกำลังรอศาลฎีกาก็เป็นอันสิ้นสุดกระบวนการคดีประวัติศาสตร์ "ใช้แรงงานเด็กเยี่ยงทาส" ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร

         จากวันนั้นวันที่ทุกข์ทรมานสาหัสที่สุดในชีวิตของสวย เป็นเวลาที่เหมือนจะยาวนานและน่าจะลบเลือนสิ่งต่างๆ อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นจนหมดสิ้น เหมือนสภาพร่างกายของสวยที่หากเอาภาพถ่ายในอดีตกับปัจจุบันมาวางคู่กัน ถ้าไม่เคยรู้เบื้องหลังของเรื่องราวมาก่อน จะไม่มีใครจำได้เลยว่าทั้งสองภาพคือบุคคลคนเดียวกัน แต่ใครจะรู้แม้ภายนอกจะดูสวยงามตามวัย ไม่มีร่องรอยบาดแผลที่บ่งชี้ว่าสวยผ่านอะไรในชีวิตมา ด้วยวัยเท่านี้เธอพบเจอวิกฤตมามากมายกว่าหลายๆ คนที่อายุเข้าเลขสามเลขสี่ด้วยซ้ำ จินเชื่อว่าในใจของสวยยังมีแผลเป็นที่คล้ายกับแผลบนศีรษะของเธอซึ่งทุกวันนี้ยังคงอยู่ เพียงแต่ผมที่ยาวได้ปกปิดแผลเป็นนั้นเอาไว้ แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามสวยได้ก้าวข้ามทุกอย่างในวันนั้นแล้ว อดีตก็คืออดีต แม้มันจะเป็นสิ่งที่เจ็บปวดมันก็ได้ผ่านไปแล้วเหมือนที่เราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้

         วันนี้จินมาส่งสวยเข้าศึกษาต่อในระดับวิทยาลัย ไม่ว่าชีวิตจะผ่านช่วงเวลาดีหรือร้ายอย่างไรมาแต่ชีวิตก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป สวยเจ้าได้เติบโตเข้มแข็งและเป็นที่ภาคภูมิใจของครอบครัวและพวกเราทุกคน

หากผู้หญิงและเด็ก ท่านใดประสบปัญหาในชีวิต เช่น ความรุนแรงในครอบครัว ท้องไม่พร้อม ถูกข่มขืน หรือติดเชื้อ เอช ไอ วี สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน 501/1 ซ.เดชะตุงคะ 1 ถ.เดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 0 2929 2222 ตลอด 24 ชม. อีเมลล์: knitnaree@hotmail.com และ ในกรณีที่ท่านต้องการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กในบ้านพักฉุกเฉินสามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และหาทุน โทร. 0 2929 2301-3 ต่อ 109,113 หรือ 0 2 929 2308 อีเมลล์: admin@apsw-thailand.org

Facebook: สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯบ้านพักฉุกเฉินดอนเมือง www.facebook.com/apswthailand.org หรือ สามารถดูข้อมูลรายละเอียดผ่านทางเว็บไซด์สมาคม www.apsw-thailand.org