ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว



          ในบางครั้งการตีค่า หรือคุณค่าของคนเราก็แตกต่างกันไปตามค่านิยม หรือตามความคิดหรือประสบการณ์ของคนในพื้นที่นั้นๆ อย่างเช่น การตีค่าผู้หญิงจากพรหมจรรย์ หากยังไม่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาก่อนจะถือว่าบริสุทธิ์ แต่หากเคยมีเพศสัมพันธ์มาแล้วไม่ว่าด้วยเหตุอันใดก็ถือว่าไม่บริสุทธิ์... แม้แต่ตัวของผู้หญิงเองนั้นก็ยังตีค่าตนเองเช่นนี้ด้วยเช่นกัน และหลายๆคนต่างก็คิดว่า... เสียแล้วก็เสียไปเพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว...

          ปรีดา หญิงวัยกลางคน ผมยาว ผิวขาว รูปร่างสูง เธออายุ 38 ปี จากรูปถ่ายสมัยก่อนของเธอที่เธอนำมาอวดเราเมื่อเธอผ่านพ้นความเลวร้ายต่างๆ มาแล้วบ่งบอกว่าเธอคือคนสวยคนหนึ่ง... พบเธอครั้งแรกเธอมีลักษณะการเดินที่มีปัญหาเพราะขาเธอสั่นและอ่อนแรง ด้วยโรคที่เธอเป็น... เธอติดเชื้อ เอช ไอ วี จากการประกอบอาชีพขายบริการทางเพศ..

         ชีวิตในวัยเด็กของเธอค่อนข้างลำบากปรีดาเรียนจบแค่ ป.4 ครอบครัวเธอยากจนพ่อแม่เก็บขวดขายเพราะไม่มีที่ทำกินเป็นของตนเอง ปรีดาเป็นลูกคนกลางในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 3 คน... ปรีดาอายุได้ประมาณ 10 ขวบ ครอบครัวที่ยากจนข้นแค้นอยู่แล้วต้องมาสูญเสียหัวหน้าครอบครัว... พ่อของเธอถูกยิงตาย... แม่ที่ต้องเลี้ยงลูกตั้งสามคนจึงต้องหาหลักยึดใหม่นั่นคือพ่อเลี้ยงที่ไม่รู้ว่าจะเข้ามาช่วยให้ดีขึ้นหรือซ้ำเติมให้แย่ลง เพราะพอปรีดาเริ่มแตกเนื้อสาวเธอก็ต้องสูญเสียพรหมจรรย์ให้กับพ่อเลี้ยงที่ใช้กำลังบังคับข่มขืน เธอถูกพ่อเลี้ยงใจทรามข่มขู่และทำร้าย จึงไม่สามารถเอ่ยปากบอกเล่าเรื่องนี้กับใครได้เลย ปรีดาต้องทนทุกข์รองรับอารมณ์ใคร่ของพ่อเลี้ยงอยู่ปีกว่า...

         อายุ 14 ปี ปรีดาพ้นจากพ่อเลี้ยงแต่เธอยังไม่พ้นจากวงจรของความรุนแรงของเพศชาย เพราะเธอถูกผู้ชายคนหนึ่งใช้กำลังฉุดคร่าเธอไปข่มขืน... แม่พาปรีดาไปแจ้งความ และได้ทำการไกล่เกลี่ยตกลงกันแม่ได้เงินค่าพรหมจรรย์ของปรีดามา 15,000 บาท พรหมจรรย์ที่แม่ก็ไม่เคยได้รู้เลยว่าพ่อเลี้ยงหรือสามีของแม่ต่างหากที่พรากมันไปก่อนหน้านี้แล้ว... ปรีดายังโชคร้ายไม่พอเพราะเธอเกิดตั้งครรภ์ และคลอดลูกมาเป็นพยานของความอัปยศนี้ แม่ช่วยรับเด็กไว้เป็นลูกของแม่เอง เพราะปรีดาไม่พร้อมทั้งใจและวัย... แต่ปรีดาก็ยังต้องอยู่ในบ้านเดียวกันกับพ่อเลี้ยงที่ทำร้ายเธอเป็นคนแรกและกับลูกที่เกิดจากความไม่เต็มใจของเธอ... มันช่างทรมานเหลือเกินเพราะลูกเรียกเธอว่าป้าแต่เรียกแม่ของปรีดาว่าแม่... ความรู้สึกทั้งรักทั้งเกลียดกัดกินหัวใจปรีดาเรื่อยมา…

          ปรีดาหนีออกจากบ้านด้วยวัยเพียง 18 ปี เพื่อไปตายเอาดาบหน้า เมื่อเข้าตาจนปรีดาจึงไปทำงานนวดที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง นวดในที่นี้ก็คือขายบริการทางเพศนั่นเอง... ไม่เป็นไรเพราะไม่ว่าอย่างไรเธอก็สูญเสียความบริสุทธิ์ไปตั้งนานแล้วและเป็นการสูญเสียกับคนที่เธอไม่รักทั้งสิ้นแถมยังไม่เคยได้อะไรตอบแทนเลยนอกจากความเลวร้าย ถ้าจะต้องเสียอีกเพื่อแลกกับเงินประทังชีวิตจะเป็นไร...ปรีดาเร่ร่อนประกอบอาชีพขายเนื้อตัวร่างกายไปตามจังหวัดต่างๆ บางร้านก็แค่นั่งดริ๊งค์ ไม่ต้องขายบริการ... แต่ก็เป็นส่วนน้อย... ปรีดามักป้องกันตัวด้วยการใช้ถุงยางอนามัยแต่ก็ไม่ทุกครั้งเพราะแขกบางคนก็ไม่ชอบและไม่ยอมใช้ถุงยางอนามัย ปรีดาใช้ชีวิตอยู่ในวงการนี้ประมาณ 4 ปี... แล้วร่างกายซึ่งเป็นเครื่องมือหากินของเธอก็รับไม่ไหว... ปรีดาท้องเสีย... ซูบผอม... มีตุ่มผื่นขึ้นตามเนื้อตัว... เจ้าของร้านที่ปรีดาทำงานจึงพาเธอไปรับการตรวจรักษา

         อายุ 27 ปีปรีดาพบว่าตัวเองป่วยติดเชื้อ เอช ไอ วี ... วัยเพียง 27 ปียังน้อยนักสำหรับการใช้ชีวิตของคนๆหนึ่ง...ยิ่งทราบความจริงปรีดายิ่งทรุด เพราะ เชื้อ เอช ไอ วี ตามความเข้าใจของเธอก็คือ โรคเอดส์ เป็นแล้วตาย รักษาไม่หาย ปรีดาทำใจอยู่นานแม้กระทั่งไปบวชชี... เมื่อไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องปรีดาจึงล้มป่วยอย่างหนักขนาดที่ไม่สามารถพาร่างกายตนเองเคลื่อนไหวไปที่ไหนๆได้... เธอถูกหามเข้าโรงพยาบาลรับการรักษาอยู่เป็นเวลาพอสมควรจนดีขึ้น จึงถูกส่งเข้ารับการฟื้นฟูยังสถานสงเคราะห์เอกชนแห่งหนึ่งที่ให้การช่วยเหลือด้านที่พักแก่ผู้ป่วยติดเชื้อ เอช ไอ วี ระยะสุดท้าย... ปรีดาเข้าใจ ยอมรับ และอยู่กับ เอช ไอ วี ได้อย่างมีความสุขมากขึ้น ณ สถานสงเคราะห์แห่งนี้... ปรีดาเริ่มกลับมาเดินได้อีกครั้งแม้ก้าวย่างไม่มั่นคงนักแต่เธอก็พอช่วยเหลือตนเองได้... ปรีดาจึงได้รับการส่งตัวเข้ามาพักฟื้นและฝึกอาชีพยังบ้านพักฉุกเฉิน... ปัจจุบันนี้ปรีดาสามารถเดินขึ้นลงบันไดด้วยตนเองได้... เธอได้รับการฝึกฝนด้านการทำดอกไม้ประดิษฐ์จนมีความเชี่ยวชาญ... ในยามท้อและทุกข์เธอจะมีเพื่อนๆสมาชิก และเจ้าหน้าที่นักสังคมสงเคราะห์รวมทั้งนักจิตวิทยา คอยเป็นเพื่อนช่วยเหลือและให้คำปรึกษา... เพราะการสูญเสียที่เธอได้เคยเสียไปนั้นไม่ได้ลดทอนคุณค่าความเป็นคนของปรีดาไปเลย

หากผู้หญิงและเด็ก ท่านใดประสบปัญหาในชีวิต เช่น ความรุนแรงในครอบครัว ท้องไม่พร้อม ถูกข่มขืน หรือติดเชื้อ เอช ไอ วี สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน 501/1 ซ.เดชะตุงคะ 1 ถ.เดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 0 2929 2222 ตลอด 24 ชม. อีเมลล์: knitnaree@hotmail.com และ ในกรณีที่ท่านต้องการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กในบ้านพักฉุกเฉินสามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และหาทุน โทร. 0 2929 2301-3 ต่อ 109,113 หรือ 0 2 929 2308 อีเมลล์: admin@apsw-thailand.org

Facebook: สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯบ้านพักฉุกเฉินดอนเมือง www.facebook.com/apswthailand.org หรือ สามารถดูข้อมูลรายละเอียดผ่านทางเว็บไซด์สมาคม www.apsw-thailand.org