พ่อเลี้ยง


          วันนี้ก็เหมือนกับทุก ๆ วัน แก้วตา เด็กสาววัยรุ่นหน้าตาสะสวยเดินกลับจากร้านขายอาหารที่เธอไปรับจ้างเป็นพนักงานเสิร์ฟได้เมื่อไม่นานมานี้ ร้านที่แก้วตาไปทำงานอยู่ไม่ไกลจากที่พักของแม่และพ่อเลี้ยงมากนัก ใช้เวลาไม่นานแก้วตาก็กลับมาถึงห้องเช่าในเวลาหกโมงเย็นกว่า ๆ ในบ้านมีเพียงพ่อเลี้ยงชายหน้าโหด ร่างใหญ่ วัย 40 ปี นั่งกินเหล้าอยู่เพียงลำพัง ส่วนแม่กว่าจะเลิกงานกลับถึงบ้านก็ราว ๆ สองสามทุ่มโน่นแหล่ะ เมื่อเข้าบ้านมาแก้วตาก็ไม่ได้ทักทายอะไรกับพ่อเลี้ยงเพราะแก้วตาเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานและไม่ได้รู้สึกคุ้นเคยอะไรกับเขา จึงไปจัดการธุระส่วนตัวของตนเอง อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าและมานั่งดูโทรทัศน์ไปเรื่อยๆ ไม่นานความง่วงงุนก็เข้าครอบงำเด็กสาว ช่วงที่แก้วตากำลังครึ่งหลับครึ่งตื่นก็รู้สึกว่ามีอะไรเย็นๆ มาแตะที่ลำคอทำให้แก้วตารู้สึกตัวขึ้นมาเมี่อก้มลงไปดูจึงเห็นว่าเป็นมีดปลายแหลม และคนที่นำมันมาจี้อยู่ที่ลำคอของแก้วตาก็คือ พ่อเลี้ยงหน้าโหดที่นั่งดื่มเหล้าอยู่นั่นเอง

         “ห้ามส่งเสียงไม่งั้นแกตาย” แก้วตาตัวสั่นและน้ำตาไหลด้วยความกลัวเธอจึงไม่กล้าแม้แต่จะขยับเขยื้อนร่างกาย พ่อเลี้ยงจึงได้ลากตัวเธอเข้าไปยังห้องนอน และใช้กำลังบังคับข่มขืนแก้วตาอย่างโหดร้าย... แล้วหลังจากนั้นมันยังข่มขู่แก้วตาอีกครั้งว่า

          “ถ้าแกบอกแม่แก... แกสองคนจะเจ็บตัวยิ่งกว่านี้”

          แก้วตาต้องเก็บความเสียใจและเจ็บปวดกับเหตุการณ์นี้ไว้กับตัวเองคนเดียวด้วยความกลัว แก้วตานอนร้องไห้ทั้งคืน เธอไม่สามารถบอกเล่าเรื่องนี้ให้กับแม่ฟังได้เพราะถ้อยคำข่มขู่ของพ่อเลี้ยงยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเธอตลอดเวลา อีกทั้งในช่วงระยะที่แก้วตามาอยู่กับแม่ เธอก็มักเห็นพ่อเลี้ยงตบตีทำร้ายร่างกายแม่อยู่เสมอ

          เช้าวันต่อมา แก้วตายังคงต้องพยายามทำตัวตามปกติ และก็ไปทำงาน ทั้งที่ภายในจิตใจของแก้วตานั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว...

          แล้วในวันนี้ เมื่อแก้วตาเลิกงานก็เหมือนกับเมื่อวานทุกอย่างแม้จะพยายามกลับบ้านให้ช้ากว่าเดิม แต่แก้วตาก็ยังคงต้องกลับบ้านเพราะเธอไม่มีที่ไป และพ่อเลี้ยงก็นั่งกินเหล้าอยู่ที่เดิม แก้วตาหวาดกลัวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แล้วเหตุการณ์ร้ายก็เกิดซ้ำเหมือนว่ามันคือเมื่อวานคล้ายละครหรือภาพยนตร์ที่ฉายซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่แตกต่างกันตรงที่... นี่คือชีวิตจริงของเด็กสาวที่ชื่อ แก้วตา และในวันนี้แม่ของแก้วตากลับมาเห็นเหตุการณ์... จึงเกิดการทะเลาะวิวาทมีปากเสียงกันขึ้นระหว่างสองสามีภรรยา

          “ลูกสาวมึงน่ะมันใจแตก มาให้ท่ากูก่อน... มันมายั่วกูเอง” ระหว่างทะเลาะกันพ่อเลี้ยงก็ยังโยนความผิดทั้งหมดมาให้แก้วตา ช่วงชุลมุนพ่อเลี้ยงก็เข้ามาทำร้ายร่างกายแม่ด้วยการเตะและถีบ แม่จึงพาตัวเองและแก้วตาออกมาจากบ้านเช่านั้น

          โดยพ่อเลี้ยงก็ยังตะโกนข่มขู่ไล่หลังมาอีกว่า

          “ไปแล้วไม่ต้องเสือกกลับมานะมึง... ถ้าพวกมึงเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น... กูจะเอามีดปาดคอให้ตายทั้งแม่ทั้งลูก”

          สองแม่ลูกออกมาจากที่นั่นด้วยความหวาดกลัว แม่ได้พาแก้วตาไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับพ่อเลี้ยง และได้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งหลังจากตรวจร่างกายเรียบร้อยแล้ว นักสังคมสงเคราะห์ที่โรงพยาบาลเขาจึงได้ส่งตัวแก้วตามาขอรับความช่วยเหลือที่บ้านพักฉุกเฉิน… ซึ่งแก้วตาบอกกับเราว่า “หนูชอบที่นี่... หนูชอบฝึกอาชีพและหนูจะได้เรียนหนังสือ ตอนนี้ก็มีพี่ที่เขาช่วยสอนหนังสือให้หนูอยู่”

          แก้วตา เป็นเด็กสาวอายุ 15 ปี รูปร่างสมส่วน ผิวสองสีหน้าตาเกลี้ยงเกลา เธอดูขี้อาย และไม่ค่อยอยากพูดจากับคนแปลกหน้าเท่าใดนัก ภูมิหลังของแก้วตานั้น เธอเป็นเด็กต่างจังหวัด สภาพครอบครัวแตกแยกเนื่องจากพ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่แก้วตาอายุได้ประมาณสี่ห้าขวบ แก้วตามีน้องชายอีกหนึ่งคนเมื่อพ่อแม่แยกทางกันก็แบ่งลูกไปดูแลฝ่ายละคน ตัวแก้วตานั้นต้องย้ายมาอยู่บ้านย่า แก้วตาได้เรียนหนังสือแค่เพียงชั้น ป.1 เท่านั้น เนื่องด้วยแก้วตามีปัญหาพัฒนาการช้า เซื่องซึม ความจำสั้น นับเลขไม่ได้ แก้วตาจึงอ่านและเขียนหนังสือไม่ได้ แก้วตาจึงต้องอยู่บ้านทำงานรับจ้างขุดเผือก ขุดมัน และทำนา พอแก้วตาอายุเข้าสู่วัยสาว 15 ปี แม่ก็ไปรับแก้วตามาอยู่ด้วยที่กรุงเทพฯ เพื่อมาช่วยทำงานหารายได้ เป็นพนักงานเสิร์ฟอาหารที่ร้านแห่งหนึ่ง รายได้ที่แก้วตาได้ประมาณสองร้อยกว่าบาท หลังจากทำงานเธอบอกว่าต้องให้เงินที่ได้กับพ่อเลี้ยงทั้งหมด...

          “เขาดูหน้าตาน่ากลัวมาก ตัวใหญ่ ๆ ดำ ๆ ทำงานขับรถบรรทุก…หนูไม่มีทางสู้เขาได้เลย” นี่คือคำอธิบายถึงพ่อเลี้ยงใจโหดของแก้วตา...

          สถาบันหน่วยที่เล็กที่สุดแต่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ สถาบัน “ครอบครัว” แต่สถาบันเล็กๆ นี้ในสังคมไทยทุกวันนี้ช่างดูง่อนแง่นโงนเงนเสียเหลือเกิน ครอบครัวส่วนใหญ่แตกแยก พ่อไปทาง แม่ไปทาง และลูก ๆ ก็ต้องไปทางใดไม่ก็ทางหนึ่ง โดยที่ไม่มีทางรู้ชะตากรรมในอนาคตเลยว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ยิ่งเฉพาะเด็กผู้หญิงการมีพ่อเลี้ยงก็คือความเสี่ยงแล้ว ถ้าพ่อเลี้ยงเป็นคนดีก็ถือว่าโชคดีไป... แต่ถ้าโชคร้ายล่ะ? เด็กผู้หญิงเหล่านั้นต้องแลกมาด้วยอะไร?... ถ้าในวันเกิดเหตุพ่อเลี้ยงใจชั่วต้องการฆ่าปิดปากหรือเกิดพลั้งมือใช้มีดปาดเข้าที่คอของเธอ... แก้วตาก็คงต้องแลกด้วย... ชีวิต

          ปัจจุบันแก้วตาได้รับการดูแลอยู่ที่บ้านพักฉุกเฉิน และมีแผนในการเรียนการศึกษานอกโรงเรียนต่อไป ซึ่งเบื้องต้นในการเตรียมความพร้อมด้านการเรียนให้กับแก้วตา นักสังคมสงเคราะห์จึงเป็นพี่เลี้ยงที่ช่วยสอนหนังสือให้กับเธอ ส่วนในช่วงเวลาว่างอื่น ๆ แก้วตาก็จะมาเรียนฝึกอาชีพ ซึ่งคุณครูที่สอนฝึกอาชีพก็ชื่นชมว่าแก้วตามีความตั้งใจ และใส่ใจในงานที่ทำได้ดีมาก

หากผู้หญิงและเด็ก ท่านใดประสบปัญหาในชีวิต เช่น ความรุนแรงในครอบครัว ท้องไม่พร้อม ถูกข่มขืน หรือติดเชื้อ เอช ไอ วี สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน 501/1 ซ.เดชะตุงคะ 1 ถ.เดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 0 2929 2222 ตลอด 24 ชม. อีเมลล์: knitnaree@hotmail.com และ ในกรณีที่ท่านต้องการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กในบ้านพักฉุกเฉินสามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และหาทุน โทร. 0 2929 2301-3 ต่อ 109,113 หรือ 0 2 929 2308 อีเมลล์: admin@apsw-thailand.org

Facebook: สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯบ้านพักฉุกเฉินดอนเมือง www.facebook.com/apswthailand.org หรือ สามารถดูข้อมูลรายละเอียดผ่านทางเว็บไซด์สมาคม www.apsw-thailand.org