ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน?

Base on true story by บ้านพักฉุกเฉิน สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ

“ตะวัน” หญิงสาวผิวขาว ร่างอวบ อายุ 29 ปี ขณะนี้เธอกำลังตั้งครรภ์เป็นครั้งที่สอง เธอเป็นคนต่างจังหวัดที่เข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพ ฯ มาเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว พ่อแม่ของเธอแยกทางกันตั้งแต่เธออายุได้เพียง 9 ขวบ หลังจากพ่อแม่แยกทางกัน พี่สาวและแม่ส่งให้ตะวันเรียนจนจบ ป.6 แม้ว่าเขาจะอยากส่งให้ตะวันเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นไปอีกแต่ตะวันก็ไม่อยากเรียนเธออยากทำงานมากกว่า เมื่อถามตะวันว่า หลังจากที่พ่อแม่แยกทางกันเธออยู่กับใคร เธอตอบว่า “ ก็อยู่กับพี่สาว อยู่คนเดียว และก็อยู่กับแฟน ”

ตะวันออกมาทำงานรับจ้างที่ร้านวีดีโอแห่งหนึ่ง ซึ่งรายได้ก็ไม่ได้มากมายนัก แต่ว่าอาศัยกินอยู่ที่บ้านนายจ้างก็พออยู่ได้ จนกระทั่งตะวันอายุได้ 17 ปี เธอจึงได้พบกับ “นายวัฒนา” ซึ่งเป็นลูกค้ามาเช่าวีดีโอที่ร้าน นายวัฒนานั้นมีอายุมากกว่าตะวันถึง 16 ปี คบหากันไม่นานก็จดทะเบียนสมรสอยู่กินกับเขาเลย นายวัฒนานั้นเป็นพนักงานบริษัท ชีวิตครอบครัวของตะวันกับวัฒนานั้นก็ดีไม่มีอะไรแต่ในความไม่มีอะไรก็มีปัญหาช่องว่างระหว่างวัย นายวัฒนานั้นมีความเป็นผู้ใหญ่ แต่ ตะวันนั้นยังมีความเป็นเด็กเอาแต่ใจ จนทะเลาะกันและห่างเหินกัน ตะวันใช้ชีวิตครอบครัวกับนายวัฒนาได้ 5 ปี มีลูกด้วยกันหนึ่งคน และชีวิตคู่จบลงที่ต้องแยกทางกันด้วยเหตุผล “เราไปด้วยกันไม่ได้” ซึ่งหลังจากหย่ากับนายวัฒนาฝ่ายนายวัฒนาได้รับลูกไปดูแล

หลังจากแยกทางกับนายวัฒนา ตะวันได้ไปทำงานเป็นลูกจ้างบริษัท ซึ่งทำให้ตะวันได้มาพบกับ “นายจิม” ผู้ซึ่งจะมาเป็นสามีคนที่สองของเธอ นายจิมอายุมากกว่าตะวัน 3 ปี ตะวันตัดสินใจจดทะเบียนสมรสและอยู่กินกับนายจิมอย่างรวดเร็ว ชีวิตคู่ของตะวันกับนายจิมก็ไม่ราบรื่นนักเพราะนายจิมเป็นคนหล่อ เจ้าชู้ กินเหล้า ชอบเที่ยว ตะวันอยู่กับนายจิมได้หนึ่งปีนายจิมก็ทอดทิ้งเธอไปมีผู้หญิงอื่น โดยที่ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่ากันเลย ตะวันบอกว่า

“เขาทิ้งหนูไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้นเลย ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่ากันเลยด้วยซ้ำ นี่ผ่านมาสองปีกว่าก็ยังไม่ได้เจอกันเลย” แต่ก็ยังโชคดีที่ตะวันไม่ได้มีลูกกับนายจิม

เมื่อนายจิมทอดทิ้งไป ตะวันก็ทำงาน ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวจนกระทั่งเมื่อประมาณปลายปีที่แล้วเพื่อนได้แนะนำให้ตะวันได้รู้จักกับ “นายพล” เด็กรุ่นน้องที่อายุน้อยกว่าเธอ 4 ปี คบกันไม่นานนายพลก็ชวนตะวันไปอยู่กินด้วยกันที่บ้านซึ่งมีพ่อแม่และย่าของเขาอยู่ด้วย การอยู่ร่วมกับครอบครัวของนายพลไม่ราบรื่นนักเพราะญาติฝ่ายชายไม่ชอบพอในตัวตะวันมักจะหาเรื่องด่าว่าตำหนิติเตียนอยู่ตลอดเวลา ตะวันไม่มีความสุขเลย อยู่ด้วยกันไม่นานก็มีปัญหาเพราะนายพล เจ้าชู้ ชอบเที่ยว และมีผู้หญิงอื่น จนมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันแทบทุกวัน ยิ่งเมื่อตะวันท้องเธอก็มีอารมณ์หงุดหงิดมากขึ้น ทั้งยังให้ความสุขเรื่องเพศกับนายพลไม่ได้อีก

“เขาบอกว่าเบื่อเรา เราอ้วนขึ้น เขาด่าเราทุกวันเลยว่า ...อีแก่... เขาบอกว่าเขาได้เด็กอายุ 17,18 ผู้หญิงนะแค่สี่ห้าร้อยก็ได้แล้วแบบเขาดูถูกผู้หญิงแล้วเขาก็ทุบตีตลอดยิ่งตอนท้องยิ่งทำ ตบ เตะ ตบจนปากแตก ตาบวม ตาเขียว หัวแตก ” ตอนท้อง 3 เดือนตะวันเคยไปแจ้งความ เหตุทะเลาะกันเพราะนายพลกลับบ้านดึก แล้วตะวันก็ต่อว่านายพลไปว่า “กลับดึกไปเที่ยวผู้หญิงเหรอ?”

นายพลก็ลอยหน้าลอยตาตอบว่า “เปล่า แค่ไม่อยากกลับบ้านเร็วเฉยๆ”

“แล้วตั้งแต่มีลูกนี่ทำไมไม่ดูแลกัน? ...อยากให้ทำแท้งไปเลยใช่ไหม? ถ้าอยากให้ทำแท้งก็เอาเงินมาสิ” ตะวันก็ตอบโต้นายพลอย่างรุนแรงพร้อมทั้งประชดประชันด้วยความน้อยใจ แต่ ใจจริงตะวันไม่คิดจะทำแท้งอยู่แล้ว

ด้วยเหตุนี้นายพลจึงตะโกนบอกให้แม่กับพี่สาวไปเอาเงินมาให้ตะวันไปทำแท้ง แต่ตะวันก็ไม่ได้รับเงินนั้นมา หลังจากนั้นนายพลจึงใช้ไม้ตีลงมาที่ตะวันซึ่งเธอก็ป้องกันตัวด้วยการยกแขนขึ้นบัง จนตะวันได้รับบาดเจ็บที่แขน เธอจึงตัดสินใจไปแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันไว้ และก็ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น หลังจากเหตุการณ์นั้นนายพลและครอบครัวก็ไม่ได้ให้ความสนใจในตัวตะวันและลูกในท้องอีกเลย ปล่อยให้ตะวันอยู่แบบ อดๆ อยากๆ ตะวันบอกว่า “หมามันยังได้กินดีกว่าหนูเสียอีก” หลังจากนั้นครึ่งเดือนนายพลก็มาบอกว่ามีเมียใหม่ และไล่ตะวันออกจากบ้าน …

ในค่ำคืนวันหนึ่งที่ตะวันต้องเจ็บปวดใจจนไม่มีวันลืม แม่และพี่สาวของนายพลได้ขนของๆ ตะวันออกจากบ้านและขับไล่ตะวันให้ไปให้พ้น พวกเขาไล่เธอเหมือนหมูเหมือนหมา เงินสักบาทก็ไม่ให้ มืดค่ำแล้วผู้หญิงท้องตัวคนเดียวอย่างเธอจะไปอยู่ที่ไหนได้ ตะวันจึงตัดสินใจขายสมบัติต่างๆ ของตนเองให้คนแถวนั้นด้วยราคาอันแสนถูกเพราะเธอต้องใช้เงิน และเธอจึงโทรศัพท์ติดต่อหาที่พักสำหรับช่วยเหลือคนท้อง ที่เบอร์ 1113 จึงได้เบอร์โทรศัพท์ของบ้านพักฉุกเฉิน ตะวันจึงโทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือที่บ้านพักฉุกเฉิน เธอบอกว่าจริงๆ แล้วเธอก็ได้เบอร์โทรศัพท์มูลนิธิอื่นด้วย แต่ที่อื่นๆ เขารับเข้าพักตอนเช้า

“วันนั้นหนูไม่มีที่จะนอนเลย เขาไล่หนูออกมามันมืดแล้วเขาใจดำมาก หนูเลยมาที่บ้านพักฉุกเฉินเพราะว่าเขารับช่วยหนูตอนกลางคืน ตอนที่หนูไม่รู้ว่าจะซุกหัวนอนที่ไหน ”

ปัจจุบันตะวันพักเพื่อรอคลอดที่บ้านพักฉุกเฉิน ตะวันไม่คิดจะยกลูกให้กับนายพล เธอจะเลี้ยงดูลูกของเธอเองและเธอมีความคิดที่จะแจ้งความเรียกร้องความเป็นธรรม เพราะ เธอรู้สึกว่า เธอไม่ได้รับความยุติธรรมจากนายพลและครอบครัว ทั้งครอบครัวนายพลยังบอกกับตะวันให้ได้เจ็บใจอีกว่า เธอเป็นคนมั่ว เด็กในท้องจะใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของนายพลหรือเปล่าก็ไม่รู้... ตะวันทิ้งท้ายด้วยการบอกความต้องการของตนเองด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจและตรงไปตรงมาว่า “ความรับผิดชอบหรือเงินค่าเลี้ยงดูหนูก็อยากได้นะ แต่ หนูอยากได้ความยุติธรรมมากกว่า”

จากเรื่องราวของตะวันก็ยังคงยืนยันได้ว่า ...แม้การมีเพศสัมพันธ์ที่ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงต่างยินยอมพร้อมใจ จนเกิดท้องไม่พร้อม ไม่ว่าจะอย่างไรฝ่ายผู้หญิงนั้นก็เสียเปรียบผู้ชายอยู่วันยังค่ำ...

หากผู้หญิงและเด็ก ท่านใดประสบปัญหาในชีวิต เช่น ความรุนแรงในครอบครัว ท้องไม่พร้อม ถูกข่มขืน หรือติดเชื้อ เอช ไอ วี สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน 501/1 ซ.เดชะตุงคะ 1 ถ.เดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 0 2929 2222 ตลอด 24 ชม. อีเมลล์: knitnaree@hotmail.com และ ในกรณีที่ท่านต้องการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กในบ้านพักฉุกเฉินสามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และหาทุน โทร. 0 2929 2301-3 ต่อ 109,113 หรือ 0 2 929 2308 อีเมลล์: admin@apsw-thailand.org

Facebook: สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯบ้านพักฉุกเฉินดอนเมือง www.facebook.com/apswthailand.org หรือ สามารถดูข้อมูลรายละเอียดผ่านทางเว็บไซด์สมาคม www.apsw-thailand.org