เพื่อนใหม่ที่ไม่ได้รับเชิญ

ติ๊ก

          วันนี้ "เอมอร" หญิงสาวคนหนึ่งได้มาพบและพุดคุยกับเรา แต่เธอเลือกที่จะเล่าว่า เธอประสบปัญหาครอบครัว ถูกสามีทำร้ายร่างกาย เธอไม่ยอมที่จะปริปากให้เราฟังว่าเธอมีอีกปัญหาหนึ่งนั่นก็คือ เธอติดเชื้อ เอช ไอ วี ซึ่งคุยกันไปจนจะจบแล้วนั่นเอง เธอจึงได้บอกว่าเธอติดเชื้อ เอช ไอ วี จากสามี เพราะอะไรจึงทำให้เธอไม่ยอมบอกกับเราในตอนแรก และเพราะอะไรเธอจึงตัดสินใจบอกความจริงที่น่าตะขิดตะขวงใจของเธอออกมา…

          เอมอรเกิดมากับครอบครัวที่แตกแยก และใช้ความรุนแรง เธอโตมาโดยเห็นพ่อเมาเหล้าแล้วทุบตีทำร้ายร่างกายแม่อยู่เป็นประจำ เมื่อชีวิตครอบครัวของพ่อกับแม่ก็ง่อนๆแง่นๆ ลูกๆทั้ง 5 คนก็ถูกเลี้ยงดูแบบปล่อยปละละเลยตามยถากรรม เอมอรจึงได้เรียนหนังสือแค่ชั้นป.6 นั่นก็มากที่สุดสำหรับเอมอรแล้ว หลังจากนั้นเอมอรก็ต้องออกมาทำงานรับจ้างทั่วไปอยู่แถวๆบ้าน และอาชีพที่ดีที่สุดสำหรับเด็กที่จบป.6 ก็คงไม่พ้นทำงานร้านอาหารและร้านคาราโอเกะ และตามสูตรผู้ชายที่จะเข้ามาในชีวิตเธอก็จะต้องเป็นพนักงานในร้าน หรือไม่ก็ผู้ชายที่ชอบมาเที่ยวร้านอาหาร ชอบดื่มเหล้าดื่มเบียร์ นอกจากนี้อาจจะเจ้าชู้อีกด้วย... ซึ่งเอมอรก็ได้พบรักกับพนักงานในร้านตำแหน่งดีเจประจำร้าน และมีคุณสมบัติครบดังที่กล่าวมาแล้วอีกทั้งยังพ่วงเรื่องสูบบุหรี่ เสพยา และการพนันมาให้อีกด้วย ซึ่งเธอก็อยู่กินกับเขาจนมีลูกด้วยกันหนึ่งคนแล้วจึงแยกทางกัน เพราะเขาไปมีผู้หญิงอื่นเมื่อแยกทางกันครอบครัวสามีได้มาเอาลูกไปจากเอมอร หลังจากแยกทางกับสามีคนแรกเอมอรก็พบกับผู้ชายคนใหม่ที่เขามาเขามีการศึกษาดี การงานก็ดี เอมอรมีลูกกับเขาอีก 1 คน แต่อยู่ด้วยกันได้ไม่นานเพราะครอบครัวของฝ่ายชายไม่ยอมรับเธอ เอมอรจึงเลิกกับเขาในที่สุดโดยลูกอยู่ในความดูแลของสามี

         แล้วไม่นานเอมอรก็ได้พบผู้ชายคนใหม่เข้ามาในชีวิต เขาคนนี้ทั้งการศึกษาและอาชีพดีกว่าคนที่สองเข้าไปอีก ดังนั้นการคบหาดูใจจึงใช้เวลาเพียงไม่นานเอมอรก็ตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกับเขาเพราะคิดว่าเขาน่าจะดูแลเธอได้ดีกว่าคนที่แล้วๆมา แต่เมื่อต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันเอมอรก็ได้รู้ว่าเธอตัดสินใจผิดการศึกษาและอาชีพไม่ได้เป็นสิ่งที่ตัดสินความดีความร้ายในตัวมนุษย์ได้เลย เพราะเขาชอบเที่ยวกลางคืนมากและบ่อยครั้งที่เขามีผู้หญิงคนอื่นซ้ำร้ายยังพาผู้หญิงอื่นเข้ามานอนในบ้านอีกต่างหากและช่วงปลายการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน เอมอรและสามีก็จะทะเลาะกันบ่อยมากขึ้นและทุกครั้งที่ทะเลาะกันเอมอรก็จะถูกทำร้ายร่างกายคล้ายกับว่าเอมอรเป็นกระสอบทรายให้เขาซ้อมเตะและต่อยอยู่เสมอ... แต่นั่นก็ยังไม่ใช่เหตุผลเพียงพอที่เอมอรจะเลิกกับสามีคนนี้ เพราะเธอบอกว่าเธอจะอดทนเพราะเธอกำลังท้องเธอไม่อยากที่จะเลิกรากับสามีอีกเป็นครั้งที่สาม... แล้วอะไรเป็นสาเหตุหลักที่เธอต้องยุติบทบาทภรรยากับสามีคนนี้

          เอมอรมีท่าทีลำบากใจที่จะเล่าเรื่องราวต่างๆให้เราฟังต่อ เราจึงต้องใช้วิธีถามสารทุกข์สุขดิบ และพูดคุยเรื่องดินฟ้าอากาศไปเรื่อยๆ เพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับเอมอร จนเมื่อรู้สึกถึงความผ่อนคลายของเอมอร จึงได้วกกลับมาคุยกันต่อถึงสาเหตุที่แท้จริงในการเลิกกับสามี... ช่างดูเป็นการตัดสินใจที่แสนสำคัญในชีวิตของเอมอรเหลือเกินเมื่อเธอได้ตัดสินใจบอกกับเราว่า ทุกครั้งที่มีอะไรกันเขาๆไม่เคยใช้ถุงยางอนามัยเลย และหนูก็มั่นใจว่ากับผู้หญิงมากมายที่เขามีอะไรด้วยเขาก็คงไม่ใช้ถุงยางอนามัยเหมือนกัน... พอหนูท้องก็เลยไปฝากท้องที่โรงพยาบาลแล้วก็ต้องตรวจเลือดนั่นแหล่ะหนูเลยรู้ว่าหนูติดเอดส์ เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือและหยุดไปพักหนึ่งและเล่าต่อไปว่า “ฟังหมอบอกผลทีแรก รับไม่ได้ ไม่เคยรู้ไม่เข้าใจโรคนี้เลย รู้ว่าเป็นแล้วต้องตาย ก็แย่อยากตายไปเลยเดี๋ยวนั้น  เคยคิดฆ่าตัวตายด้วยการเอามีดมาเชือดข้อมือแต่ก็ทำไม่ได้เพราะหนูมีลูกอยู่ในท้อง... ส่วนแฟนหนูพอหนูกลับมาบอกเขาๆก็ไม่สนใจไม่ยอมไปตรวจและถ้าหนูพูดมากเขาก็เตะก็ตี แล้วเขาก็ยังเที่ยวผู้หญิงต่อไป หนูก็อยู่กับคนแบบนี้ไม่ได้แล้ว” แต่เธอก็ต้องจำทนอยู่กับเขาไปจนกว่าจะคลอด แม้ในตอนแรกเอมอรคิดทำแท้งเพราะคิดว่า ถ้าแม่เป็นเอดส์ลูกก็ต้องเป็น เอมอรไม่อยากให้ลูกได้รับโรคร้ายต่อจากเธอ แต่เมื่อหมอได้บอกกับเอมอรเรื่องการทานยาต้านไวรัสเพื่อป้องกันการติดเชื้อไปสู่ลูกของคนท้อง เอมอรจึงอยู่เพื่อลูกแม้จะอยากจบชีวิตตัวเองลงวันละหลายๆ ครั้งแต่ก็ทำไม่ลง หลังจากที่เอมอรคลอดลูกที่มีสุขภาพแข็งแรงดี เอมอรได้นำลูกไปส่งให้แม่ของสามีดูแล แล้วเธอก็จากมาเพราะหากอยู่กับแม่สามีก็กลัวว่าถ้าถูกจับได้ว่าเป็นเอดส์เขาจะรังเกียจ จะกลับไปหาครอบครัวที่ไม่อบอุ่นของตัวเองก็กลัวว่าถ้าอาการออกคนที่บ้านจะรับไม่ได้... ดังนั้นหลังจากแยกกับสามีและหาคนดูแลที่เหมาะสมให้กับลูกน้อยแล้วชีวิตของเอมอรก็เคว้งคว้าง… ความรู้สึกอยากตายได้มาเยี่ยมเยือนเอมอรอยู่เป็นระยะๆ... แต่แล้วไม่รู้ด้วยอะไรดลใจเอมอรให้อ่านหนังสือชีวิตจริง และพบกับสถานที่แห่งหนึ่งที่อาจเหมาะกับคนอย่างเธอ ที่นั่นชื่อว่าบ้านพักฉุกเฉิน… และเหตุผลที่เอมอรไม่อยากจะบอกว่าตนเองติดเชื้อ เอช ไอ วี นั่นก็เพราะ ”หนูยังทำใจรับไม่ค่อยได้ และหนูก็ไม่แน่ใจว่าพี่จะคิดยังไงที่หนูเป็นโรคที่น่ารังเกียจนี้” ได้ฟังอย่างนี้ก็พูดไม่ออกเหมือนกันไม่ใช่ว่ารับไม่ได้แต่มันเกิดความรู้สึกที่เรียกว่าอะไรดี เรียกว่า ”ปวดใจ” คงจะเหมาะที่สุดปวดใจกับปัญหาของผู้หญิงที่ต้องตกเป็นเหยื่อของทั้งสังคม คนใกล้ชิด และยังเป็นเหยื่อของความรู้สึกของตัวเอง...

          เอมอรเพิ่งเข้ามาพักพิงที่บ้านพักฉุกเฉินได้เพียงไม่นาน เธอยังคงต้องปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ... และจากความกลัวที่เริ่มขึ้นจากความไม่รู้เอมอรยังคงต้องปรับตัวปรับใจกับเพื่อนใหม่ที่จะต้องอยู่กับเธอไปอีกนานแสนนานนั่นคือ เจ้าเชื้อไวรัส เอช ไอ วี ที่ไม่ว่าเธอจะเกลียด และไม่ต้องการมันแต่เธอก็ยังคงต้องอยู่กับมัน เธอต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันตลอดไป เธอได้เล่าถึงมุมมองใหม่ๆ ในชีวิตที่เธอได้พบที่บ้านพักฉุกเฉินว่า "เห็นพี่ๆ บางคนถ้าไม่บอกว่าเขาเป็นเอดส์อย่างหนู... หนูก็ไม่รู้หรอกเพราะเขาก็ดูปกติ เขาบอกว่าเขาติดจากแฟนเหมือนหนูนี่แหล่ะเป็นมาจะสิบปีแล้วยังไม่ตายเลย... ถ้าดูแลตัวเองดี กินยาตรงเวลา ออกกำลังกาย กินของมีประโยชน์ ก็อยู่ได้เหมือนคนอื่นๆเขา... หนูก็จะลองดู" แม้ท่าทีของเอมอรจะยังคงไม่ได้บ่งบอกว่าเธอมีความหวังในชีวิตอย่างเต็มร้อย แต่อย่างน้อยในวันนี้เอมอรก็เริ่มมีความหวังที่จะลองสู้กับชีวิตต่อไป ซึ่งเราก็ขอเป็นกำลังใจให้กับเอมอร และผู้หญิงอีกหลายๆคนที่ต้องประสบปัญหาในชีวิต ไม่ว่าจะอย่างไรเมื่อปัญหาเข้ามาแล้วมันจะผ่านไป อาจจะลองหาที่พักสักนิดเพื่อตั้งหลักสักหน่อยอย่างเช่นที่บ้านพักฉุกเฉิน แล้วชีวิตก็จะสามารถก้าวเดินต่อไป…สู้ๆ ^_____^

หากผู้หญิงและเด็ก ท่านใดประสบปัญหาในชีวิต เช่น ความรุนแรงในครอบครัว ท้องไม่พร้อม ถูกข่มขืน หรือติดเชื้อ เอช ไอ วี สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน 501/1 ซ.เดชะตุงคะ 1 ถ.เดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 0 2929 2222 ตลอด 24 ชม. อีเมลล์: knitnaree@hotmail.com และ ในกรณีที่ท่านต้องการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กในบ้านพักฉุกเฉินสามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และหาทุน โทร. 0 2929 2301-3 ต่อ 109,113 หรือ 0 2 929 2308 อีเมลล์: admin@apsw-thailand.org

Facebook: สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯบ้านพักฉุกเฉินดอนเมือง www.facebook.com/apswthailand.org หรือ สามารถดูข้อมูลรายละเอียดผ่านทางเว็บไซด์สมาคม www.apsw-thailand.org