หลายครั้งที่บ้านพักฉุกเฉินได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้หญิงและเด็กที่มีสัญชาติอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ลาว พม่า รัสเซีย ฯลฯ ส่วนใหญ่แล้วผู้หญิงเหล่านี้มักประสบปัญหาการถูกกระทำความรุนแรง ถูกล่วงละเมิดทางเพศ และค้ามนุษย์ ซึ่งหน่วยงานภาครัฐ หรือ เอกชนอื่น ๆ ได้ส่งผู้หญิงและเด็กเหล่านั้นมาขอรับความช่วยเหลือด้านที่พักระหว่างรอการดำเนินการช่วยเหลือ รอดำนินคดี หรือรอส่งกลับสู่ประเทศที่จากมา
มิ้นท์ (นามสมมติ) เด็กวัยรุ่นผิวขาวหน้าตาสะสวย ก็เป็นเด็กสัญชาติพม่าอีกรายหนึ่งที่มูลนิธิที่ช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่ผู้หญิงแห่งหนึ่ง นำส่งมาเพื่อขอความช่วยเหลือด้านที่พักชั่วคราวระหว่างดำเนินการช่วยเหลือ ด้วยปัญหาถูกข่มขืน
แรกเริ่มเดิมทีน้องมิ้นท์ก็ยังใช้ชีวิตอยู่ฝั่งพม่าตามอัตภาพ แต่ด้วยน้องมิ้นท์นั้นเป็นลูกสาวคนโตเพียงคนเดียวในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 6 คน พ่อกับแม่เกิดกังวลถึงความปลอดภัยของลูกสาว เนื่องจากในหมู่บ้านที่น้องมินท์และครอบครัวอาศัยอยู่นั้นมีเด็กผู้หญิงหายตัวไปแล้วสองคน พ่อและแม่จึงตัดสินใจส่งน้องมิ้นท์ให้มาอยู่กับญาติที่จังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทยน่าจะปลอดภัยกว่าที่บ้านเมืองของตนเอง น้องมิ้นท์จึงได้มาอยู่ช่วยงานบ้านและช่วยเลี้ยงน้องที่บ้านญาติตั้งแต่เธออายุได้พียง 4 ขวบ แรก ๆ เธอพูดภาษาไทยไม่ได้เลย จนอายุได้ 10 ขวบ เธอพอที่จะใช้ภาษาไทยได้บ้างญาติจึงส่งเข้าเรียนที่โรงเรียนฝึกอาชีพเป็นระยะเวลาเกือบปีจึงส่งน้องมิ้นท์เข้ามาอยู่กับป้าและลุงเขยที่กรุงเทพฯ เพื่อมาเรียนต่อ ชีวิตของน้องมิ้นท์ต้องเปลี่ยนไปเมื่อเธอต้องมาอยู่กับครอบครัวนี้ ป้าจะให้เธอออกไปทำงานนอกบ้านเมื่อได้รายได้มาก็แบ่งกันคนละครึ่ง เงินที่น้องมิ้นท์ได้มาเธอก็นำไปใช้จ่ายในการไปโรงเรียนของเธอเอง ส่วนความสัมพันธ์กับลุงเขยนั้นในปีแรกก็ดี ลุงเขยไม่กินเหล้า แต่พอพักหลัง ๆ ลุงเขยก็เปลี่ยนไป กินเหล้าเมา และมีผู้หญิงมาส่งที่ห้องอยู่บ่อย ๆ ส่วนป้าก็มักจะทำงานและกลับดึก ป้าไม่ได้สงสัยและรับรู้ในความเปลี่ยนไปของสามีตนเองเลย ต่อมาป้าก็ท้องและมีลูก ป้าจึงยุ่งทั้งเรื่องงานและเรื่องน้อง นั่นจึงเป็นช่องทางให้ลุงเขยกระทำความเลวทรามกับน้องมิ้นท์ได้ในเวลาต่อมา...
ในครั้งแรกที่น้องมิ้นท์ถูกลุงเขยข่มขืนนั้น เธอเล่าว่า หนูกำลังรีดผ้า ลุงกลับมาก็มาบอกให้หนูไปซื้อน้ำโค้ก หนูก็ไปพอกลับมาก็เอาน้ำโค้กให้ลุงแล้วหนูก็ไปอาบน้ำ พอหลังจากนั้นลุงก็เอาโค้กมาให้หนูกินด้วยหนูก็กิน แล้วหนูก็ไม่รู้เรื่องอีกเลยตื่นมาอีกทีหนูก็ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวเลย และหนูก็รู้สึกเจ็บข้างในด้วย แต่หนูก็ไม่กล้าถามลุง ไม่กล้าบอกใคร หนูคิดว่าลุงต้องใส่อะไรลงไปในน้ำโค้ก เมื่อมีครั้งแรก และ ฝ่ายที่ตกเป็นเหยื่อยังเป็นผู้อ่อนแอกว่าไร้ซึ่งอำนาจในการต่อกรด้วยแล้ว ฝ่ายที่เป็นผู้ล่าจึงยิ่งได้ใจ และกระทำการข่มขืนเหยื่อต่อมาอีกหลายครั้ง โดยที่ไม่ต้องมีการวางยาใด ๆ เช่นในหนก่อน หนำซ้ำยังย่ามใจพาเพื่อนของตนเองมาร่วมกันกระทำยำยีน้องมิ้นท์อีกครั้งหนึ่งด้วย น้องมิ้นท์ บอกถึงสาเหตุที่เธอต้องเก็บเรื่องเลวร้ายนี้ไว้กับตัวของเธอว่า เขาทั้งตบตีและข่มขู่เธอหากเธอนำเรื่องไปบอกป้า เธอจึงไม่กล้า และตัวเธอเองก็หวาดกลัวว่าป้าจะไม่เชื่อเพราะป้านั้นรักลุงเขยมาก
วันหนึ่งเมื่อป้าพาน้องกลับไปเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัด น้องมิ้นท์ไม่อยากให้ป้าไปเลยแต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ เหมือนคนที่น้ำท่วมปาก เธอจึงต้องไปโรงเรียนพร้อมกับพกพาความหวาดกลัวในใจไปด้วย เพราะเธอจะต้องอยู่บ้านเพียงลำพังกับลุงเขยเป็นเวลาหลายวันเกินไป ในวันนั้นตลอดเวลาที่อยู่ที่โรงเรียนน้องมิ้นท์นั่งซึมและร้องไห้ จนเพื่อนสนิทของเธอเป็นห่วงและคาดคั้นกับเธอ...ว่าเกิดอะไรขึ้น...เธอจึงตัดสินใจเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนจึงได้พาเธอไปพบคุณครู น้องมิ้นท์จึงได้บอกกับคุณครูว่า หนูไม่อยากกลับบ้าน ถ้าหนูกลับไป หนูก็ต้องไปอยู่สองคนกับลุง หนูกลัว แล้วเรื่องราวที่อัดอั้นตันใจที่เธอเก็บไว้ก็พรั่งพรูออกมาให้กับผู้ใหญ่ที่จะสามารถช่วยเหลือเธอให้พ้นจากอุ้งมือมารได้รับรู้... นี่คือที่มาของ น้องมิ้นท์ ที่ต้องมาอยู่บ้านพักฉุกเฉิน ปัจจุบันลุงเขยแสนชั่วได้ถูกจับกุมตัวและอยู่ระหว่างการดำเนินคดี