Base on true story By Emergency Home APSW. Pictures and Story By Jittra Nuallaong |
|
บ้านพักฉุกเฉินเป็นโครงการที่เปิดช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กที่เดือดร้อนในปัญหาวิกฤติชีวิต โดยสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ ซึ่งถ้าดูจากชื่อหน่วยงานแล้วก็น่าจะพอเดาได้ว่ากลุ่มเป้าหมายของเราเป็นคนกลุ่มไหน แต่ก็มักจะมีผู้ชายที่ชอบตั้งคำถามกับเราอย่างติดตลกว่า "แล้วไม่ช่วยผู้ชายบ้างเหรอครับ?" หรือ "ผมถูกเมียกระทำความรุนแรงจะมาที่นี่ได้ไหม?" คำถามเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่ถามกันเล่นๆ ไม่ได้ต้องการคำตอบอะไรจริงจังนัก แต่ถ้าจะปฏิเสธว่าเราไม่เคยช่วยผู้ชายเลยก็คงยากเพราะการทำงานเรื่องครอบครัว เรื่องความรุนแรงหรือเรื่องท้องไม่พร้อม ก็ล้วนต้องข้องเกี่ยวเชื่อมโยงกับเพศชายอยู่เสมอ และตลอดการทำงานของบ้านพักฉุกเฉินมาเป็นระยะเวลากว่า 31 ปี เราก็ต้องยอมรับว่ามีผู้ชายอยู่หนึ่งคนที่บ้านพักฉุกเฉินได้ทำงานกับเขามากมายกว่าใครๆ เขามีชื่อว่า "บวร" |
“บวร” เป็นผู้ชายวัยสี่สิบเอ็ดปี รูปร่างผอม สูง ดวงตาเรียวเล็ก คิ้วเข้ม เครื่องประกอบรูปหน้าของชายคนนี้บ่งบอกว่าเคยเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีมาก่อน... ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นชายที่มีสภาพคล้ายรถยนต์เก่าๆ ที่ไม่ได้รับการบำรุงรักษาและใกล้หมดอายุการใช้งาน หน้าตาหมองคล้ำ เนื้อตัวมอมแมมสกปรกและส่งกลิ่นเหม็นทั้งกลิ่นสาปและกลิ่นเหล้าที่ออกมาตามรูขุมขน ที่เรามักเรียกกันว่ากลิ่นละมุด ผิวของเขาคล้ำแดงไม่แน่ใจว่าเป็นผลงานของโรคพิษสุราเรื้อรังหรือเพราะแสงแดด เส้นผมสีดำที่แซมไปด้วยสีขาวประปรายนั้นเกาะกันเป็นกลุ่มก้อนมันเยิ้ม เครื่องนุ่งห่มที่เขาสวมใส่ก็หาความสะอาดได้ยากนัก... บวรเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างกว้างขวางในชุมชนบ้านพักฉุกเฉินของเราเพราะน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเขา... |
ข้อดีของบวรที่เราไม่ค่อยได้ค้นพบในตัวของผู้ชายที่เป็นต้นเหตุให้ภรรยาและลูกมาอยู่บ้านพักฉุกเฉิน ก็คือ ความรักลูก บวรรักลูกของเขามาก ไม่ว่าเขาจะมีสภาพอย่างไร แม้เขาจะไม่มีเงินไม่มีงานทำแต่เขาก็ยังพยายามที่จะหาของมาฝากลูกเสมอ ไม่ว่าของเล่น ของกินได้หรือของที่เคยกินได้ หรือบางครั้งมีอาการป่วยทางกายแต่เขาก็ยังมาเยี่ยมลูกของเขาอยู่เสมอไม่เคยขาด จนบางครั้งถ้าเขาหายไปนานๆ เราก็จะเริ่มวิตกกังวลว่า... ทำไมบวรจึงหายไปนาน... เขาจะเป็นอะไรไหม... และลูกๆ ทั้งสามของบวรก็รักพ่อของเขามากเช่นกันภาพลูกสาวตัวน้อยๆ สามคนเฝ้าวนเวียนกอดรัดฟัดเหวี่ยงพ่อที่มีสภาพมอมแมมอย่างที่กล่าว ลูกๆ โดยเฉพาะลูกสาวคนโตที่พอจะรู้เรื่องมากที่สุดก็จะพร่ำบอกกับบวรเสมอว่า “หนูรักพ่อ... พ่อต้องดูแลตัวเองนะพ่อไม่ต้องห่วงพวกหนูนะ” อีกข้อดีของบวรก็คือความเคารพนับถือต่อเจ้าหน้าที่บ้านพักฉุกเฉิน ไม่ว่าเขาจะโกรธหรือเสียใจอย่างไรเขาก็ไม่เคยก้าวร้าวหรือใช้คำพูดหยาบคายต่อเจ้าหน้าที่เลย ดังนั้น เราจึงมีความคาดหวังว่าถ้าเขาไม่เมาเหล้าเขาคงจะสามารถเป็นพ่อที่ดีคนหนึ่ง... ด้วยความหวังนี้เราจึงได้ช่วยเหลือเขาหลากหลายวิธีการ ไม่ว่าจะพาเขาไปเลิกเหล้ายังสถานพยาบาล... ส่งเขาไปรักษาตัวเมื่อเจ็บป่วย... พาเขาไปพักที่สถานสงเคราะห์ไร้ที่พึ่งชาย เมื่อตอนที่เขาไม่มีที่พักอาศัย...... แต่ทุกครั้งบวรก็แพ้ใจตนเอง เขาไม่สามารถอยู่ที่ไหนได้นานเขาต้องออกมาหาลูกและภรรยาที่บ้านพักฉุกเฉินทุกครั้ง... จนกระทั่งแม้การพาเขาไปบวชเราก็ทำ... | |