ช่วงชีวิตที่หล่นหาย

Base on true story by บ้านพักฉุกเฉิน สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ

“เฮ้ย!ๆ... หยุดเลยนะมึง... พวกมึงจะเอาลูกกูไปไหน...” เสียงตะโกนจากชายหนุ่มที่อยู่ในกลุ่มผู้ชายหลายคนที่วิ่งตามมาด้านหลังกระตุ้นเร่งเร้าให้แอนที่อุ้มลูกน้อยไว้แนบอก และพี่ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้หญิงของมูลนิธิช่วยเหลือเด็กแห่งหนึ่งต่างต้องเร่งฝีเท้าวิ่งให้เร็วขึ้นเพื่อไปให้ถึงรถแท็กซี่ที่จอดรออยู่เบื้องหน้า

“วิ่งเร็วเข้าแอน... ขึ้นแท็กซี่ปิดประตูเลย” พี่เจ้าหน้าที่ร้องบอกกับแอนที่อยู่เคียงข้างกันอย่างร้อนรน

“ปัง!.... เฮ้อ!” เมื่อปิดประตูรถได้ทั้งสองคนต่างถอนหายใจด้วยคิดว่าคงรอดพ้นเงื้อมมือของผู้ที่ไล่ตามมา พร้อมกับร้องสั่งโชเฟอร์

“พี่ๆ ขับไปเลยพี่... เร็วๆ เลยพี่” โชเฟอร์ผู้งุนงงและมิได้รู้อิโหน่อิเหน่กำลังจะเหยียบคันเร่งก็ต้องเปลี่ยนมาแตะเบรคอย่างกะทันหัน เมื่อไม้หน้าสามกระทบกับกระจกรถด้านข้าง “ปึก!... เปรี๊ยะ!”

“น้องๆ พี่ไม่ไปแล้ว... พี่ไม่เอาเงินค่ารถหรอก... ลงไปเถอะ” โชเฟอร์ตาเหลือกหันไปบอกกับผู้โดยสารด้านหลัง และพาพาหนะรับจ้างของตนจากไปอย่างรวดเร็ว

“พี่... แอนไม่เอาลูกแล้ว... ฮือๆๆ” แอนอุ้มลูกร่ำไห้สะอึกสะอื้น เบื้องหน้าเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาทะมึงถึงและพวกพ้อง ชายผู้นี้ก็คือสามีและพ่อของลูกน้อยในอ้อมกอดของแอน

“เออ... ส่งลูกมา... แล้วจะไปไหนก็ไป” สามีของแอนตะคอกใส่หน้าเธอ... แอนจึงต้องจำใจส่งลูกให้กับสามีทั้งน้ำตาพร้อมหัวใจอันเจ็บปวด เพื่อแลกกับอิสระและความปลอดภัยของตัวเธอเองและเจ้าหน้าที่มูลนิธิ

ในคืนนั้นเจ้าหน้าที่มูลนิธิที่ให้การช่วยเหลือเด็กแห่งนั้นได้ช่วยเหลือแอนออกมาจากสามีได้เพียงคนเดียว ส่วนลูกชายวัย 3 เดือนของแอนยังคงติดอยู่กับฝ่ายพ่อซึ่งก็คือสามีของแอน แล้วเจ้าหน้าที่จึงได้ส่งแอนมาขอรับความช่วยเหลือที่บ้านพักฉุกเฉิน สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ เพื่อตั้งหลักและคิดหาวิธีที่จะไปพาลูกของแอนกลับสู่อ้อมอกแม่อีกครั้ง... ระหว่างที่แอนหลบภัยอยู่ที่บ้านพัก แอนไม่มีกะจิตกะใจที่จะทำอะไรได้เลย เธอเหมือนเด็กสาวที่มีแต่เพียงร่างกายส่วนจิตใจของเธอนั้นอยู่อีกที่หนึ่ง ภาวะซึมเศร้าและความเครียดถาโถมเข้ามาหาแอน ด้วยความคิดคำนึงถึงแต่ลูกน้อยผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ เพียง 2 วันเท่านั้น แอนก็เหมือนใจจะขาดเธอจึงขอติดต่อกับพี่เจ้าหน้าที่มูลนิธิที่ได้พาเธอมาที่นี่เพื่อให้ช่วยพาเธอกลับไปรับลูกมาอยู่ด้วยกัน ดังนั้นในวันรุ่งขึ้นทั้งแอน เจ้าหน้าที่มูลนิธิ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พากันกลับไปยังบ้านที่แอนเคยอยู่ร่วมกับสามีอีกครั้ง ซึ่งเหตุการณ์ในวันที่กลับไปรับลูกครั้งนี้ช่างแตกต่างจากในคืนนั้นเนื่องจากสามีของแอนอยู่บ้านเพียงลำพัง ไม่มีแก๊งค์อันธพาลอยู่ด้วยเช่นในวันนั้น แอนขอเจรจากับเขาด้วยดีเพราะเธอไม่อยากให้เขาโกรธแค้นจนตามหาเรื่องหรือตามรังควานเธอในภายหลัง

“ระหว่างที่หนูคุยกับเขา เขาก็ขอให้กลับไปอยู่ด้วยกัน เขาบอกว่าจะเลิกยาเลิกทุกอย่างจะกลับไปอยู่กับเขาไหม เลยบอกเขาว่าหนูไม่กลับไปหนูจะเดินหน้าต่อ หนูจะไม่เชื่อใครแล้วจะเชื่อแม่คนเดียว เขาก็บอกว่าถ้าอยากกลับไปก็ให้กลับไป แต่เขาจะไม่ตามรังควานอะไรหนูอีก เขาแค่ต้องการลูก เขาบอกว่าเขาไม่มีใครแล้วอยู่คนเดียวไม่มีคนทำงานบ้านให้ ไม่มีคนซักผ้า เขาก็บอกว่าเขาอยากเลิกยาแต่เขาไม่อยากเข้าสถานบำบัดเขากลัว เพราะเขาเคยบำบัดตอนที่เคยโดนคดี แล้วโดนรุมกระทืบเขากลัว แต่สำหรับหนูแล้วหนูคิดว่าก็แล้วแต่เขาเพราะหนูจะไม่ยุ่งกับเขาแล้ว ถ้าเขายังติดยาค้ายาก็จะไม่ให้เขาเอาลูกไปเด็ดขาด”

“แอน” เด็กหญิงตาคมผู้ทำช่วงชีวิตวัยรุ่น วัยเรียน หล่นหายไประหว่างทาง เธอมีสามี และเป็นแม่คนด้วยอายุเพียง 14 ปี เธอหลุดวงโคจรสู่ความรุนแรงทางร่างกาย จิตใจ ความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจ การใช้จ่ายอย่างกระเบียดกระเสียน ชีวิตครอบครัวที่เสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง การตรากตรำทำงานหาเงินทั้งยังต้องหาเงินคลอดลูกเลี้ยงดูลูกเพียงลำพัง เพราะ “หนุ่ม” ผู้เป็นสามีวัย 19 ปีของแอนนั้นติดสารเสพติด กัญชา และ ยาบ้า นอกจากเขาจะทำงานรับจ้างแล้วเขาก็ยังมีอาชีพเสริมคือรับส่งสิ่งของผิดกฏหมายพวกนั้นด้วยเรียกว่าทั้งเสพทั้งขาย เงินทองที่ได้มาจากการทำผิดก็กลับมาจมอยู่กับการซื้อหาสารเสพติดมาเสพ หากเงินไม่พอและเสี้ยนยาก็ไม่ยาก ขูดรีดเอากับเมียก็ได้ ถ้าไม่ได้ก็ไม่ยากอีก ตบ ตี เตะ ต่อย พอเมียเจ็บก็ต้องยอมให้อยู่ดี

ย้อนไปในวันวาน “แอน” ใช้เวลาคบหากับ “หนุ่ม” ผ่านทางสังคมออนไลน์ เฟสบุ๊ค เป็นระยะเวลาเกือบ 3 ปี หลังจากนั้นจึงนัดเจอกัน เป็นแฟนกัน และตัดสินใจอยู่กินด้วยกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส แอนมีย่าที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เล็กจนเปรียบเสมือนแม่บังเกิดเกล้า แอนจึงเรียกย่าว่าแม่ แม่คนนี้เองที่เป็นที่พึ่งเดียวของเธอ แต่เมื่อแอนมีครอบครัว สามีจึงเข้ามาเป็นผู้ดูแล แอนไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่านายหนุ่มติดยาเสพติด เมื่อมาอยู่ด้วยกันจนแอนตั้งท้องได้สี่ห้าเดือน นายหนุ่มก็ทำตัวแปลกๆ มักหนีหายไปบ่อยๆ จนแอนสงสัยและแอบตามไปจึงพบว่านายหนุ่มไปแอบเสพยากับเพื่อน เมื่อซักไซ้ไล่เลียงกันจึงรู้ว่านายหนุ่มติดยาตั้งแต่อายุ 15 ปี และยังรับส่งยาร้ายพวกนี้อีกด้วย แม้อยากจะเลิกราแยกทาง แต่มันก็ไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆ ชีวิตครอบครัวผัวเมียไม่ได้เหมือนกับการเข้าซอยตันที่สามารถแก้ปัญหากันได้แค่เพียงหันหลังกลับและเดินออกจากซอยนั้น... จะทำอย่างไรได้ล่ะ... กว่าจะรู้ว่า “หนุ่ม” คนดีที่มีอยู่ในเฟสบุ๊คนั้นไม่ได้มีอยู่จริง แอนก็ท้องลูกกับเขาเสียแล้ว เมื่อความจริงปรากฏนายหนุ่มก็เหมือนจะปลดปล่อยด้านมืดของตนออกมาทั้งหมดเพราะนายหนุ่มเริ่มทุบตีทำร้ายเมียของตนเองเรื่อยมา เว้นช่วงให้บ้างก็ตอนที่แอนท้องแก่ใกล้คลอด แต่พอคลอดลูกแล้วนายหนุ่มก็กลับมาเห็นเมียเป็นกระสอบทรายต่อไป แอนก็ยังคงอดทนเพื่อลูกเรื่อยมาแม้ครั้งหนึ่งแอนเคยติดร่างแหถูกจับไปขึ้นโรงพักกับเขาด้วยพร้อมลูกที่อายุเพียง 1 เดือนเศษๆ ในคดียาเสพติด แต่นายหนุ่มนั้นมีคนมายื่นประกันตัวแอนจึงรอดพ้นคุกมาด้วย

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรทุกอย่างก็ต้องมาถึงที่สุด... ความอดทนของแอนก็เช่นเดียวกัน... เมื่อวันหนึ่งแอนอุตส่าห์ไปขอเงินแม่มาเพื่อซื้อหานมและผ้าอ้อมให้ลูก ไอ้ผัวตัวร้ายกลับมาก็มาแย่งเอาเงินไปจากแอน

“หนูบอกจะเอามาซื้อนมซื้อผ้าอ้อมให้ลูก เขาก็ไม่ฟัง เขา เตะ ตบ จนหัวฟาดพื้นแล้วก็เอาตีนมากดหัวหนู... หนูก็ร้องไห้ พอแม่รู้เรื่องก็เลยหาทางช่วย แม่เขาโทรไปหาเจ้าหน้าที่มูลนิธิ พี่เขาก็เลยมาช่วยหนู ”

แอนบอกว่าแม่ได้เคยพาเธอไปแจ้งความหลายครั้ง แต่ในที่สุดแม่ก็ต้องกลับไปถอนแจ้งความทุกครั้งเพราะนายหนุ่มพาพวกพาแก๊งค์ มาข่มขู่ทุกครั้ง...

ตลอดเวลาที่แอนและนายหนุ่มใช้ชีวิตครอบครัวด้วยกันแอนมีความสุขเพียงชั่วพริบตา เพราะหลังจากนั้นเธอก็มีแต่ความทุกข์ นายหนุ่มไม่มีความรับผิดชอบ เงินทองก็ไม่เคยให้เมียกับลูก แถมยังมาเป็นภาระให้แอนเด็กหญิงวัย 14 ปีหาเลี้ยงแถมยังตอบแทนด้วยการทุบตีทำร้ายร่างกายกันอีก หลังจากนี้แอนวาดหวังอนาคตของตนเองไว้ว่า เธอจะกลับไปอยู่กับแม่ จะเลี้ยงลูก เรียนต่อ กศน. เธอจะต้องเรียนให้จบม.6 เธอจะต้องตามเพื่อนๆ ให้ทัน แอนจะตามเอาชีวิตของเธอกลับคืนมา

หากผู้หญิงและเด็ก ท่านใดประสบปัญหาในชีวิต เช่น ความรุนแรงในครอบครัว ท้องไม่พร้อม ถูกข่มขืน หรือติดเชื้อ เอช ไอ วี สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน 501/1 ซ.เดชะตุงคะ 1 ถ.เดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 0 2929 2222 ตลอด 24 ชม. อีเมลล์: knitnaree@hotmail.com และ ในกรณีที่ท่านต้องการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กในบ้านพักฉุกเฉินสามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และหาทุน โทร. 0 2929 2301-3 ต่อ 109,113 หรือ 0 2 929 2308 อีเมลล์: admin@apsw-thailand.org

Facebook: สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯบ้านพักฉุกเฉินดอนเมือง www.facebook.com/apswthailand.org หรือ สามารถดูข้อมูลรายละเอียดผ่านทางเว็บไซด์สมาคม www.apsw-thailand.org