ไอ้ผัวชั่ว

Base on true story by บ้านพักฉุกเฉิน สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ

        “ พี่นาๆ ช่วยไปดูพี่หนิงหน่อย ” นุ้ยเด็กสาวแม่ลูกอ่อนคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบพรวดพราดเข้ามาในห้องทำงานของนักสังคมสงเคราะห์

       “มีอะไรเหรอ?” พี่นาเงยหน้าจากแฟ้มงานตรงหน้าเพื่อสอบถามเด็กสาวตรงหน้าในทันที

       “พี่หนิงปวดท้องจะตายอยู่แล้วล่ะพี่” นุ้ยละล่ำละลักบอกอาการอย่างจะบอกว่าพี่นาจะมัวถามทำไมเนี่ยทำไมไม่รีบไปดูเองเล่า

          “ไปๆ” พี่นาลุกขึ้นคว้าข้อมือคนมาบอกเดินแกมวิ่งออกไป ที่คลินิกผู้หญิงจิมมี่-โรซาลีน คาร์เตอร์ ในทันที คลินิกผู้หญิงจิมมี่-โรซาลีน คาร์เตอร์ นั้นเป็นส่วนหนึ่งของบ้านพักฉุกเฉินที่ให้การดูแลผู้หญิงที่ประสบปัญหาท้องไม่พร้อมทั้งก่อนคลอดและหลังคลอด อย่างครบวงจร

          พี่นาลากข้อมือนุ้ยผ่านประตูที่เปิดอ้าซ่าอยู่เข้าไปก็พบกับ “หนิง” ที่มีใบหน้าบิดเบี้ยวและเสียงร้องโอดโอยบ่งบอกว่าเธอกำลังเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด เธอลงมานอนอยู่บนพื้นห้องโดยมือทั้งสองกุมท้องไว้ ส่วนลูกชายวัยสองเดือนเศษของหนิงนั้นนอนอยู่ในที่นอนเด็ก... เจ้าตัวน้อยร้องไห้จ้าราวกับล่วงรู้ว่าแม่ของตนมีอันตราย... นี่สินะที่เขาเรียกว่า... “สัญชาตญาณของความเป็นแม่-ลูก” ...เมื่อพี่นาเปิดเสื้อยืดของหนิงดูตรงช่วงท้องแล้วพบว่าที่บริเวณ ท้องด้านซ้ายซึ่งมีผ้ากอซพันแผลแบบกันน้ำแปะอยู่มีอาการบวมแดงและมีเลือดซึมออกมา อีกทั้งอุณหภูมิในร่างกายของหนิงยังสูงมากจนส่งไอร้อนมาถึงมือของพี่นา จนคาดเดาได้ว่าหนิงต้องเป็นไข้เพราะแผลอักเสบอย่างแน่นอน...

         “แผลคงจะอักเสบ... หนิงอดทนหน่อยนะ... เดี๋ยวพี่จะพาไปหาหมอ” พี่นาลูบหลังลูบไหล่หนิงเพื่อปลอบโยนและห่วงใย พลางหันไปบอกนุ้ยกับอิ๋วเด็กสาวอีกคนที่ยืนล้อมอยู่ด้วยความร้อนรนว่า “นุ้ย... ไปหาผ้าเช็ดตัวชุบน้ำบิดหมาดๆ มาเช็ดตัวลดไข้ให้หนิงไปพลางๆ ก่อนนะอย่าให้โดนแผลนะ... เดี๋ยวพี่จะไปเรียกรถคงต้องส่งโรงพยาบาลแล้วล่ะ... อิ๋วอุ้มเจ้าตัวเล็กตามพี่มาหน่อยสิ” พี่นาและอิ๋วพาเจ้าตัวเล็กที่ยังส่งเสียงร้องไห้ไม่ยอมหยุดอยู่นั้นเดินไปยังอีกฝากหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนของศูนย์เลี้ยงเด็กออ่นที่จะมีพี่เลี้ยงดูแลเด็กทารกวัยแรกเกิด ในกรณีที่แม่เด็กไม่สามารถดูแลลูกของตนเองได้ด้วยเหตุผลต่างๆ อย่างเช่นกรณีของหนิงที่เธอต้องไปหาหมอรักษาสุขภาพตนเองก่อน… เมื่อเคาะประตูแล้วพบกับพี่รี พี่เลี้ยงร่างตุ้ยนุ้ยที่มาเปิดประตูให้พร้อมรอยยิ้มจึงรีบบอกจุดประสงค์อย่างเร็วจี๋

         “พี่รีคะ ฝากเลี้ยงลูกของหนิงก่อนชั่วคราวค่ะเพราะว่าหนิงมีแผลอักเสบจนเป็นไข้ต้องพาไปหาหมอก่อนค่ะ”

       “ได้จ๊ะน้องนา พาแม่เขาไปโรงพยาบาลเถอะไม่ต้องห่วง... โอ๋ๆ ไม่ร้องนะมากับป้านะจ๊ะ” พี่รีตอบรับการฝากเด็กและหันไปอุ้มเด็กน้อยไปจากอ้อมอกของอิ๋วในทันที

       “ขอบคุณค่ะพี่” พี่นาเอ่ยขอบคุณพี่รีแบบติดจรวดแล้วรีบรุดไปดำเนินการอย่างอื่นต่อในทันที เมื่อหมดห่วงเรื่องลูกของหนิงแล้วจึงรีบกลับไปโทรศัพท์และเตรียมเอกสารต่างๆ เพื่อที่จะพาตัวหนิงไปให้ถึงมือหมอให้เร็วที่สุด… และเมื่อหนิงได้เข้ารับการตรวจรักษาผลการตรวจวินิจฉัยของแพทย์ ตรงกับที่พี่นาคาดคะเนนั่นคือแผลอักเสบอีกทั้งแผลฉีกต้องทำการเย็บแผลใหม่... หนิงต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษษและรอดูอาการต่อไป

       ย้อนกลับไปเมื่อสอง วันก่อนรถของโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งได้นำตัว “หนิง” หญิงสาววัย 30 กว่าที่มีใบหน้าซีดเซียวและเศร้าตรมด้วยภาวะเจ็บป่วยทางกายและเรื่องราวทุกข์โศกในชีวิต หนิงมาพร้อมกับบุตรชายวัยสองเดือนเศษที่มีสุขภาพแข็งแรงดี... ปัญหาของหนิงที่ต้องเข้ามาอยู่บ้านพักฉุกเฉินนั่นก็เพราะ “สามีทุบตีทำร้ายร่างกายเนื่องจากสามีติดยาบ้า” อาการของหนิงนั้นไม่ใช่แค่ถูกตบตีธรรมดาเพราะเมื่อได้คุยกับนักสังคมสงเคราะห์ของโรงพยาบาลที่มาส่งหนิงทำให้เราทราบว่า... หนิงถูกสามีกระทืบจนท้องแตกและลำไส้ทะลักออกมาภายนอก... หนิงอยู่กินกับสามีที่ทำอาชีพรับจ้างนี่มาได้เกือบปี ในช่วงหนึ่งถึงสองเดือนแรกก็ดีไม่มีอะไรเรียกว่ายังไม่ออกลาย พอหลังจากนั้นทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าเปลี่ยนแปรงสีฟันเสียอีกสาเหตุมาจากเหล้าและยาเสพติด... ยาบ้า... การด่าทอเป็นเรื่องประจำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันตามมาด้วยการตบตี... ถ้าฮึดสู้เพื่อป้องกันตนเองจะโดนหนักกว่าเดิม ... ขนาดตอนท้องก็ไม่เว้นสามียังคงเลี้ยงดูเธอด้วยลำแข้งอย่างสม่ำเสมอ... หนิงอยากเลิกกับสามีแต่ว่าเวลาที่เขาไม่เสพยาไม่เมาเหล้าเขาก็จะขอโทษและบอกว่าจะปรับปรุงตัวเพื่อเมียและลูก... จนกระทั่งวันหนึ่ง เขากลับมาจากข้างนอกมาอาละวาดขอเงินจากหนิงไปซื้อยาแต่หนิงไม่ให้ เพราะเธอมีเงินเพียงน้อยนิดที่เก็บไว้เพื่อจะใช้จ่ายในบ้าน... นั่นจึงเป็นสาเหตุของความรุนแรงที่แทบจะฆ่าหนิงให้ตายเสียทีเดียว... โชคยังดีที่สามีของเธอไม่ได้พาลมาทำร้ายลูก... เพื่อนข้างห้องเป็นผู้โทรแจ้งตำรวจหลังจากผัวใจโหดของหนิงกระทืบหนิงจนไส้แตกแล้วหยิบฉวยเงินวิ่งออกจากห้องเช่าไป... หนิงจึงรอดชีวิตมาได้...

       “มันทำหนูเจ็บทั้งตัวทั้งใจนี่มันกะจะเอาให้ตายชัดๆ... หนูแค้นมันมากหนูหายเมื่อไรหนูจะต้องไปเอามันเข้าคุกให้ได้”

       พี่นายังจำคำบอกเล่าของหนิงที่มักจะเอ่ยให้ฟังในทำนองนี้อยู่เสมอซึ่งพี่นาก็มักจะปลอบเธอว่า

       “ใจเย็นๆ ดูแลตัวเองกับลูกให้ดีก่อนอันดับแรกเรื่องอื่นค่อยว่ากัน เรื่องจับคนร้ายก็เป็นหน้าที่ของตำรวจ”

       “ไอ้เลวนั่นมันต้องเข้าคุกด้วยมือของหนู” หนิงยังคงพร่ำพูดถึงความต้องการที่มุ่งมั่นของตนเองด้วยแววตาที่เจ็บช้ำและชิงชัง ซึ่งเราก็เข้าใจในอารมณ์ของเธอดี... ใครไม่โดนคงไม่รู้หรอก...

       ต่อมาประมาณสองเดือนเมื่อร่างกายของหนิงแข็งแรงดี แต่คดีก็ยังไม่คืบหน้าอะไร สามีที่หนิงมักเรียกมันว่าไอ้ผัวชั่ว ก็ยังคงลอยนวล...

       บ่ายวันหนึ่งหนิงเดินอุ้มลูกตรงมาหาพี่นาที่ห้องทำงานแล้วบอกออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า

      “พี่หนูขอฝากลูกสักพักสิคะ”

       “จะไปไหนเหรอหนิง” พี่นาเอ่ยถามหนิงออกไปอย่างงงๆ

       “หนูจะไปดักจับคนร้าย... ก็ไอ้ผัวชั่วของหนูนั่นแหล่ะพี่... ถ้ายังไม่ได้เอามันเข้าคุกหนูคงไม่มีความสุขจับมันเข้าคุกได้เมื่อไหร่หนูจะรับลูกกลับไปอยู่กับแม่” หนิงบอกถึงความต้องการที่ฝังแน่นอยู่ในจิตใจของตนเองประหนึ่งว่าถ้าจับคนร้ายเข้าคุกไม่ได้เธอคงนอนตายตาไม่หลับแน่นอนในชีวิตนี้... พี่นาอึ้งไปสักพักอย่างครุ่นคิดก่อนที่จะเอ่ยปากบอกถึงการตัดสินใจกับปัญหานี้ของหนิง “งั้น... พรุ่งนี้พี่จะไปกับหนิงเอง”

       “จริงเหรอพี่... ดีจังเลย... หนูขอบคุณพี่มากเลย” หนิงเดินออกจากห้องทำงานไปอย่างยิ้มแย้ม เมื่อคล้อยหลังหนิงแล้วพี่นาจึงโทรศัพท์ประสานงานกับตำรวจเจ้าของคดีเพื่อนัดแนะกันไปจับสามีตัวร้ายของหนิง

       วันรุ่งขึ้นพี่นากับหนิงจึงเดินทางไปสถานีตำรวจเพื่อติดต่อเจ้าของคดีและกลับไปยังห้องเช่าที่เกิดเหตุ แต่ก็ไม่พบตัวคนร้าย แต่ก็ยังพบร่องรอยว่ายังมีคนพักอาศัยอยู่ในห้องดังกล่าว... หนิงและพี่นาจึงกลับมาอย่างคว้าน้ำเหลวสีหน้าของหนิงยังคงเคียดแค้น... ซึ่งทางตำรวจแจ้งว่าได้ประสานกับเจ้าของหอพักไว้แล้วถ้าคนร้ายกลับมาจะแจ้งให้ตำรวจทราบในทันที... วันเวลาผ่านไปเกือบเดือนเรื่องคดีก็ยังคงไม่มีอะไรคืบหน้า หนิงยังคงเลี้ยงลูกและเรียนฝึกอาชีพไปด้วย... ไม่นานหนิงก็แจ้งออกจากบ้านพักฉุกเฉิน ขอเอาลูกไปให้ครอบครัวที่ต่างจังหวัดดูแลโดยที่บ้านพักฉุกเฉินยังคงติดตามเรื่องคดีและความเป็นไปของเธออย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากนำลูกไปอยู่กับที่บ้านได้สักพักเธอก็ได้กลับเข้ามาทำงานโรงงานในกรุงเทพฯ... ชีวิตของหนิงเริ่มเข้าที่เข้าทาง...

       เช้าวันหนึ่งพี่นาได้รับโทรศัพท์ติดต่อจากหนิงน้ำเสียงของหนิงนั้นแสดงถึงความยินดีอย่างลิงโลดว่า “พี่ๆ หนูจับไอ้ผัวชั่วของหนูเข้าคุกได้แล้วนะพี่ ตอนนี้มันไปนอนกินข้าวแดงในคุกแล้ว”

       “โห... พี่ดีใจด้วย... ไหนเล่าให้ฟังหน่อยสิ” พี่นาตอบรับกับข่าวดีของหนิงอย่างตื่นเต้นดีใจไปด้วย

       “ก็อย่างที่พี่รู้ หนูมาทำงานโรงงานแล้วหนูก็สังหรณ์ใจว่าคนอย่างมันน่ะไม่มีปัญญาไปอยู่ที่อื่นหรอก... หนูเลยแอบไปเฝ้าดูอยู่บ่อยๆ แล้ววันนั้นหนูเฝ้าอยู่จนเย็นเห็นมันเดินเข้ามาจะไปที่ห้อง... หนูเลยโทรหาสายตรวจตามที่ตำรวจให้ไว้น่ะพี่... เจอเลย... มันไปไหนไม่รอดเลยล่ะ...” หนิงยังคงเล่าถึงความมานะพยายามจับคนร้ายจนสำเร็จให้พี่นาฟังอีกหลายประโยค... ซึ่งพี่นาก็ยินดีและชื่นชมในความมานะพยายามจนประสบความสำเร็จของเธอ...

      เรื่องราวชีวิตและปัญหาของหนิงนั้นเป็นอีกในกรณีที่จบลงอย่างที่คลี่คลายไปในทางที่ดีและคนร้ายได้รับโทษที่ตนเองกระทำไว้... และแน่นอนว่ายังคงมีอีกหลากหลายความรุนแรงที่ไม่ได้จบลงในลักษณะนี้... หลายครั้งที่จบลงตรงที่ผู้ถูกกระทำไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงและเด็กต้องสังเวยชีวิต หลายรายสังเวยด้วยสภาพจิตใจที่บิดเบี้ยวฟั่นเฟือนจนไม่สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นคง หลายรายที่ต้องใช้ชีวิตเดินเข้าออกสถานพยาบาลเพื่อเยียวยาบำบัดจิตใจเป็นว่าเล่น รวมทั้งเหยื่อหลายรายอาจจะต้องฝันร้ายไปตลอดชีวิต...

หากผู้หญิงและเด็ก ท่านใดประสบปัญหาในชีวิต เช่น ความรุนแรงในครอบครัว ท้องไม่พร้อม ถูกข่มขืน หรือติดเชื้อ เอช ไอ วี สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน 501/1 ซ.เดชะตุงคะ 1 ถ.เดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 0 2929 2222 ตลอด 24 ชม. อีเมลล์: knitnaree@hotmail.com และ ในกรณีที่ท่านต้องการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กในบ้านพักฉุกเฉินสามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และหาทุน โทร. 0 2929 2301-3 ต่อ 109,113 หรือ 0 2 929 2308 อีเมลล์: admin@apsw-thailand.org

Facebook: สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯบ้านพักฉุกเฉินดอนเมือง www.facebook.com/apswthailand.org หรือ สามารถดูข้อมูลรายละเอียดผ่านทางเว็บไซด์สมาคม www.apsw-thailand.org