เมื่อวันมาฆบูชา วันวาเลนไทน์ ความดีงาม ความรักหรือความใคร่ ได้เวียนมาบรรจบในวันเดียวกัน

ในวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ที่กำลังจะมาถึงนี้ ช่างเป็นวันดีวันอันเป็นมงคลที่ วันมาฆบูชา และ วันวาเลนไทน์ ได้มาพบกัน... หลายๆคนคงคิดว่า... วันมงคลทางพุทธศาสนามาตรงกับวันแห่งความรักความใคร่... ซะงั้น... จริงๆ แล้วเรามามองในอีกมุมหนึ่งหรือเรียกอย่างสวยหรูว่า มองในมุมบวก ( Positive Thinking ) กันดูดีกว่า... แล้วเราจะพบว่า... วันสำคัญทั้งสองวันนี้เป็นสิ่งที่คู่ควรกันและต่างส่งเสริมกันและกันอย่างดียิ่ง...

วันมาฆะบูชา ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ กลางเดือน ๓ หรือประมาณราวเดือนกุมภาพันธ์ แต่หากเป็นปีอธิกมาส (ปีที่มีเดือน ๘ สองหน) วันมาฆบูชาจะเลื่อนไปเป็น วันขึ้น ๑๕ ค่ำกลางเดือน ๔ หรือประมาณเดือนมีนาคม

วันมาฆบูชา ย่อมาจากคำว่า "มาฆปุรณมีบูชา" แปลว่า การบูชาพระในวันเพ็ญเดือน ๓ ถือเป็น "วันจาตุรงคสันนิบาต" แปลว่า การประชุมอันประกอบด้วยองค์ ๔ ซึ่งเป็นเหตุการณ์อัศจรรย์เกิดขึ้นพร้อมกันในสมัยพุทธกาล คือ

    ๑. พระสงฆ์จำนวน ๑,๒๕๐ รูป ซึ่งจาริกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสถานที่ต่างๆ เดินทางมาเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ เวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ

    ๒. พระสงฆ์จำนวน ๑,๒๕๐ รูปเหล่านี้ ล้วนเป็นพระอรหันต์ และได้รับการบวชจากพระพุทธเจ้าโดยตรง ด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา

    ๓. พระสงฆ์จำนวน ๑,๒๕๐ รูป ต่างมาประชุมพร้อมเพรียงกันโดยมิได้มีการนัดหมาย

    ๔. วันที่มาประชุม ตรงกับวันเพ็ญเดือนมาฆะ (วันเพ็ญกลางเดือน ๓) เป็นวันที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรมเทศนา อันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา คือ โอวาทปาติโมกข์ ซึ่ง โอวาทปาติโมกข์ ก็คือ ข้อธรรมย่ออันเป็นหลักหรือหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนา ๓ ประการ ได้แก่

    ๑. ไม่ทำความชั่วทั้งปวง เว้นจากความชั่วด้วยกาย วาจา ใจ

    ๒. ทำความดีให้ถึงพร้อม ด้วยกาย วาจา ใจ

    ๓. ทำจิตใจให้หมดจดบริสุทธิ์ผ่องใส

ส่วน วันวาเลนไทน์ (Valentine’s Day) นั้นตรงกับวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ของทุกปี มีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน เป็นวันเฉลิมฉลองของจูโน่ซึ่ง เป็นราชินีแห่งเหล่าเทพและเทพธิดาของโรมัน ชาวโรมันรู้จักเธอในนามของเทพธิดา แห่งอิสตรีและการแต่งงาน และในวันถัดมาคือวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ก็จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของเด็กหนุ่มและเด็กสาว ต่อมาใน รัชสมัยจักรพรรดิคลอดิอัส ที่ ๒ (Emperor Claudius II) แห่งกรุงโรม ที่มีกษัตริย์ ใจคอดุร้ายและทรงนิยม การทำสงคราม ได้ทรงห้ามการจัดพิธีหมั้นและแต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด แต่ “เซนต์วาเลนไทน์” หรือ “วาเลนตินัส ” และ เซนต์มาริอัส ซึ่งเป็นนักบุญ ได้ร่วมมือกัน จัดพิธีแต่งงานให้กับ ชาวคริสต์หลายคู่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกตัดสินประหารชีวิตโดยเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ซึ่งขณะที่ถูกจับขังคุกนั้นนักบุญวาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักบุตรสาวของผู้คุมนักโทษ นาม “จูเลีย” ที่ได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง และในค่ำคืนสุดท้าย วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๒๗๐ ก่อนที่วาเลนไทน์จะถูกประหารชีวิตนั้นเขาได้ส่งจดหมายฉบับสุดท้ายถึงจูเลีย อันเป็นที่รัก โดยลงท้ายว่า “ จากวาเลนไทน์ของคุณ /From Your Valentine ” หลังจากนั้นศพของเขาได้ถูกเก็บไว้ที่ โบสถ์พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม ซึ่ง จูเลีย ได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุมศพของเซนต์วาเลนไทน์ เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ผู้เป็นที่รักของเธอ ดังนั้น ต้นอามันต์หรืออัลมอลต์ สีชมพู จึงเป็นตัวแทนแห่งรักนิรันดรและมิตรภาพ อันสวยงาม เรื่องราวความรัก ของ เซนต์วาเลนไทน์และจูเลีย แม้เป็นโศกนาฎกรรมแห่งความรักที่จบลงด้วยความเศร้า แต่ในความเศร้านั้นก็มีความกล้าหาญ และความรักอันยิ่งใหญ่จนกลายเป็นตำนาน ซึ่งต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความรักสืบมา และส่วนใหญ่หนุ่มสาวหรือคนที่รักกันต่างก็ถือเอาวันนี้แป็นวันที่จะเฉลิมฉลองกับคนที่ตนเองรัก สารภาพรัก บอกรัก ให้กับผู้ที่ตนต่างพึงพอใจ

จากความพิเศษของวันสำคัญทั้งสองวัน เราจะมองเห็นถึงพลังแห่งศรัทธาอันน่าอัศจรรย์ ไม่ว่าจะศรัทธาในพระพุทธศาสนา ดั่งเช่นในวันมาฆบูชา พระอรหันต์ จำนวน ๑,๒๕๐ รูป ต่างมาประชุมพร้อมเพรียงกันโดยมิได้มีการนัดหมาย ซึ่งในยุคพุทธกาลนั้นยังไม่มีเทคโนโลยีที่จะช่วยทำนัดหมาย หรือติดต่อพระสงฆ์ที่ต่างออกจาริกแสวงบุญตามสถานที่ต่างๆ แล้วพระสงฆ์ท่านติดต่อทำนัดหมายกันได้อย่างไร? ( ขนาดในยุคนี้ที่เทคโนโลยีเฟื่องฟูผู้คนยังลืมนัด ผิดนัดกันมากมาย ) ส่วนนักบุญวาเลนไทน์ นั้นเป็นผู้ยึดมั่นศรัทธาในมิตรภาพและความรัก แม้จะมีโทษถึงประหารชีวิตก็ยังคงมุ่งมั่นส่งเสริมความรักของผู้อื่น จนตนเองเมื่อพบหญิงผู้เป็นที่รักก็ต้องจบชีวิตลงแม้นักบุญวาเลนไทน์และจูเลียต่างก็จากโลกนี้ไปแล้ว แต่ชื่อและเรื่องราวความดีงาม ความรัก ของพวกเขาก็ไม่เคยจากไป ทั้งวันมาฆบูชา และวันวาเลนไทน์นั้น ต่างเป็นวันที่มุ่งหวังให้เรามีศรัทธา ยึดมั่นในการทำดี มิตรภาพและความรักอันบริสุทธิ์ นั่นคือรักโดยไม่มุ่งหวังสิ่งใดตอบแทน รักที่ไม่ทำร้าย รักที่ไม่ทำให้ใครต้องเจ็บ รักที่ไม่เป็นความผิดบาป หรือส่งผลให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน เป็นความรักที่ละเว้นในการทำชั่วทั้งกาย วาจา และใจ ...เห็นไหม? ...เวลาที่วันมาฆบูชาและวันวาเลนไทน์มาอยู่ในวันเดียวกันนั้นช่างส่งเสริมและเข้ากันได้เป็นอย่างดี... ไม่ได้เคยมีการบันทึก หรือเล่าลือเกี่ยวกับเรื่องกิเลส ตัณหา หรืออารมณ์ใคร่... เข้ามาเกี่ยวข้อง...

เอ? ...แล้วเพราะอะไร วันวาเลนไทน์ในยุคสมัยนี้ ในบ้านเมืองของเรา เมื่อพูดถึงวัน วาเลนไทน์ เราก็มักจะนึกไปว่า เป็นวันเสียตัว กันเลยทีเดียว (จากผลสำรวจของนิด้าโพลล์ที่ผ่านมาพบว่า วันที่วัยรุ่นสาวเสี่ยงเสียตัวกันมากที่สุดคือวันลอยกระทงและวันวาเลนไทน์)... ท่าทางหนุ่มสาวสมัยนี้คงจะตีความหมาย ของวันวาเลนไทน์กันคลาดเคลื่อนอยู่มากโข... นี่หากนักบุญวาเลนไทน์ฟื้นขึ้นมาจากหลุมก็คงจะหดหู่น่าดูที่วันของตนเองกลับกาลายมาเป็นวันเสียสาว... หนุ่มสาวหลายคนไม่ได้รู้เรื่องหรือเข้าใจวันวาเลนไทน์มากนักเพราะต่างก็เข้าใจว่า เป็นวันแห่งความรัก บอกรักกัน ให้ช็อกโกแลตกัน กุ๊กกิ๊ก นี่ก็น่ารักกันไปอีกแบบ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนคิดว่า รัก คือ เพศสัมพันธ์ และหลายคนคิดว่า เพศสัมพันธ์ คือ รัก และที่น่ากลัวคือผู้หญิงที่ คิดว่า... ถ้าไม่ยอมมีเพศสัมพันธ์กับแฟนแล้วแฟนจะคิดว่า เราไม่รักเขา... และเขาจะทิ้งไปมีคนใหม่ นอกจากนี้ผู้หญิงที่คิดว่า... ถ้าตั้งท้องลูกของเขา... เขาก็จะรักและยอมแต่งงานพาเราเข้าบ้าน... เรียกว่าเอาลูกมาเป็นเงื่อนไขในความรักของตัวเองกับฝ่ายชาย... ความเชื่อนี้ยังมีอยู่ในสังคมวัตถุนิยมสูงแต่ศีลธรรมต่ำอย่างนี้ไหม?

เราลองมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ความรัก กับเพศสัมพันธ์กันดู ว่ามันเป็นของคู่กันหรือไม่?
ความรัก(LOVE) กับ เพศสัมพันธ์(SEX) มีสิ่งที่เหมือนกันเพียงตัวเดียวคือตัว E นั่นคือ Emotion หมายถึง อารมณ์… ถ้าอย่างนั้นความรักกับเพศสัมพันธ์ก็ต่างเกี่ยวข้องกับอารมณ์ด้วยกันทั้งคู่... เราลองมาดูในแง่มุมของควมรักกันก่อนดีกว่า

ความรัก(Love) เป็นความผูกพันทางอารมณ์ (Emotional Attachment) ที่แสดงใน 3 ด้าน คือ ด้านความรู้สึก ความคิด และการกระทำ
ความรู้สึก : รู้สึกรัก ชอบ รู้สึกเป็นสุขที่ได้อยู่ใกล้ ทำให้ใจเต้น มองเห็นโลกเป็นสีชมพู...
ความคิด : การมองผู้ที่ตนรักในแง่ดี มองเห็นคุณค่าและความหมายของเขา อยากทำสิ่งที่ดีให้ และอยากให้เขาพบแต่ความสุข
การกระทำ : การปฏิบัติต่อกันอย่างอ่อนโยน การดูแลเอาใจใส่ การสัมผัส กอดจูบ และมีเพศสัมพันธ์

เพศสัมพันธ์ (Sex) เป็นขั้นตอนหนึ่งของการสืบพันธุ์ของมนุษย์ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากปัจจัย ทางธรรมชาติ ของร่างกายเพื่อการสืบเผ่าพันธุ์ของมนุษย์นั้นเอง อารมณ์เพศเป็นเรื่องธรรมชาติเอาแน่นอนไม่ได้นึกจะมาจะไปตามสิ่งเร้าหรือตัวกระตุ้นต่างๆ ...ถ้าพิจารณาจากที่กล่าวมาแล้วจะพบว่า เพศสัมพันธ์นั้นคือ ผลพลอยได้ของความรัก หรือ เป็นการแสดงออกของคนที่รักกัน แต่ในหลายๆ ครั้งเราจะพบว่าเพศสัมพันธ์ก็ไม่ต้องพึ่งพาความรัก... มันเป็นอารมณ์ที่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองและดับได้ด้วยตัวเองเช่นกัน

แล้วผู้หญิงกับผู้ชายเขาคิดเรื่องความรักและเพศสัมพันธ์กันอย่างไร?...
ผู้หญิงส่วนใหญ่ ถูกสอนให้คิดว่ากิจกรรมความสัมพันธ์ทางเพศเป็นเรื่องเดียวกับความสัมพันธ์ของความรัก และเซ็กซ์ที่ปราศจากอารมณ์ความรู้สึกรักใคร่เป็นสิ่งที่ไม่ควร... ผู้หญิงมักคิดว่า ความรักต้องมาก่อน เซ็กซ์มาทีหลัง

ผู้ชายส่วนใหญ ่ไม่ได้ถูกสอนให้เชื่อว่าเซ็กซ์ควรจะเกิดขึ้นเพียงในขอบเขตแห่งสัมพันธ์รัก หมายความว่า สายใยทางความรู้สึกผูกพันรักไม่จำเป็นต้องเกิดก่อน และผู้ชายจะมีความไวต่อความรู้สึกทางเพศได้ง่ายกว่าผู้หญิง หรืออีกนัยหนึ่งคือถูกกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศได้ง่ายกว่านั่นเอง แปลว่า ผู้ชายมีเซ็กซ์ได้แม้จะรัก... หรือไม่ได้รัก

ผู้ชายหลายคน มักจะคิดเข้าข้างตนเอง (เป็นธรรมชาติของมนุษย์) ว่า การที่ผู้หญิงยอมไปไหนกับตนสองต่อสอง หรืออยู่ด้วยกันตามลำพังนั้นเป็นเพราะผู้หญิงเองก็อยากมีเพศสัมพันธ์เหมือนกับตนเช่นกัน ในขณะที่ผู้หญิงนั้น การยอมไปกับผู้ชายที่ตนรักตามลำพังส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะความรู้สึกไว้วางใจ เชื่อใจ และรู้สึกรักเขา แต่ยังไม่ได้คิดว่าอยากจะมีเพศสัมพันธ์กับเขา ... แต่ก็ไม่ทันได้ระวังตัวและไม่รู้เท่าทันความคิดของคู่ของตน... จึงทำให้เพศสัมพันธ์เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย…

จากการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้หญิงทั้งหลายเสียสาวเพราะคิดว่า ผู้ชายรักเป็นอันดับแรก

ตามมาด้วยความคิดที่ว่า เราพร้อมแล้วที่จะเป็นของกันและกัน และถ้าไม่มีบรรยากาศเป็นใจ ทุกอย่างก็จะยังไม่เกิดขึ้น ทีนี้ถ้าเกิดยิ่งคิดว่าวันวาเลนไทน์ เป็นวันแห่งความรัก ช่างเป็นฤกษ์งามยามดีที่เราจะยอมมีอะไรกับแฟนเสียที... อืม... ก็ไม่ผิดค่ะไม่ผิดเลยถ้าคิดและใคร่ครวญถึงผลดีผลเสียจนถี่ถ้วนแล้ว... กำหนดวันแล้วเปลี่ยนแปลงไม่ได้... ถ้าอย่างนั้นอย่าลืมตัวช่วยที่แสนดีแสนถูกและประสิทธิภาพครอบจักรวาล... ถุงยางอนามัย... ป้องกันได้ทั้งการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์...

...แต่หากผู้หญิงท่านใดยังไม่พร้อมพยายามอย่าอยู่สองต่อสองในบรรยากาศที่เป็นใจจะดีกว่า... เพราะ... ผู้ชายมีเซ็กซ์ได้แม้ไม่ได้รัก หรือปากอาจบอกว่ารักเพื่อให้ได้มาซึ่งเซ็กซ์... ผู้ชายก็ปากไม่ตรงกับใจหรอกนะ...

ขึ้นต้นเรื่องวันมาฆบูชา กับวันวาเลนไทน์ แล้วมาลงท้ายที่ ความรัก ความใคร่หรือเพศสัมพันธ์ได้อย่างไรก็ไม่รู้เหมือนกัน… เอาเป็นว่าขอใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส 14 กุมภาพันธ์ 2557 นี้ เรามาทำความดีละเว้นความชั่ว เข้าวัดทำบุญ รักกันอย่างที่ไม่สร้างความทุกข์ความเดือดร้อนให้แก่กัน ให้เกียรติซึ่งกันและกันจะดีกว่า นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ รัฐบาลไทยได้ประกาศให้วันมาฆบูชา เป็น "วันกตัญญูแห่งชาติ" เราก็หันมารักและใส่ใจคุณพ่อคุณแม่ และผู้มีพระคุณกันก็จะเป็นสิ่งดีและยังส่งเสริมให้ชีวิตของเราทุกคนเจริญรุ่งเรืองอีกด้วย... นี่ไงวันมาฆบูชากับวันวาเลนไทน์ช่างเป็นวันที่คู่ควรและเกื้อหนุนกันจริงๆ นะ

อ้างอิงข้อมูลจาก
: http://www.bkps.ac.th/a06_Education/30Education.htm
: http://th.wikipedia.org/
: http://www.manager.co.th/celebonline/viewnews.aspx?NewsID=9550000125162

เรื่องและภาพ:จิตรา นวลละออง ฝ่ายบริหารโครงการฯ